นพ.ปรีชา เปรมปรี รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงโรคไวรัสตับอักเสบบี ว่า เป็นภัยสุขภาพที่คุกคามในระยะยาว ซึ่งสถานการณ์โรคไวรัสตับอักเสบบีทั่วโลก พบผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรังกว่า 257 ล้านคน ส่วนสถานการณ์ในประเทศไทย พบผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีประมาณ 2.2-3 ล้านคน
การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี (Hepatitis B virus; HBV) ส่งผลต่อการเจ็บป่วย เช่น มะเร็งตับ พบในเพศชาย 33.4 ต่อแสนประชากร และพบในเพศหญิง 12.3 ต่อแสนประชากร มีช่องทางการติดเชื้อ คือ ทางเลือด เพศสัมพันธ์ และการถ่ายทอดเชื้อจากแม่สู่ลูก หากได้รับเชื้อแล้วไม่เข้าสู่กระบวนการรักษา มีโอกาสเป็นตับอักเสบเรื้อรัง ตับวาย ตับแข็งและมะเร็งตับได้
นพ.ปรีชา กล่าวอีกว่า ผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยง ควรตรวจหาการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีก่อน และหากไม่มีภูมิคุ้มกัน ควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบบี ให้ครบชุดจำนวน 3 เข็ม ซึ่งปัจจุบันมีการส่งเสริมให้เด็กทุกคนได้รับวัคซีนป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบบีให้ครบ
ส่วนวิธีป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบบี ควรใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์กับทุกคน ทุกช่องทาง สำหรับผู้ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีควรงดบริจาคเลือด หากต้องรับการผ่าตัด ทำฟัน หรือตั้งครรภ์ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบทุกครั้งและหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง เพื่อนำไปสู่การกำจัดโรคไวรัสตับอักเสบบีภายในปี 2573
สำหรับโรคไวรัสตับอักเสบบี สามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบบี และรักษาได้ด้วยการรับประทานยาต้านไวรัส เพื่อควบคุมปริมาณไวรัสในร่างกาย ลดภาวะการเกิดพังผืดของตับ ชะลอการเกิดตับแข็งและลดการเกิดมะเร็งตับ แต่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้
ทั้งนี้ กรมควบคุมโรคได้เร่งส่งเสริมให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของโรคไวรัสตับอักเสบบี สามารถประเมินความเสี่ยงของตนเองและคนรอบข้างได้ หากมีพฤติกรรมเสี่ยงให้เข้าตรวจคัดกรองและรักษาโดยเร็ว หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่กองโรคเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โทร.0 2590 3216 หรือสายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422
อ่านข่าวอื่นๆ
"ภูทับเบิก" พบติดโควิด 303 คน-งดบริการที่พักใกล้จุดชมวิว
สธ.เคาะฉีดไฟเซอร์เข็ม 2 นักเรียนชายอายุ 12-17 ปี ตามสมัครใจ
เผชิญโควิดรอบใหม่ "ปูติน" สั่งหยุดงานทั่วรัสเซียกว่า 1 สัปดาห์