จากกรณีสำนักข่าว CNN นำเสนอข่าวส่งออกถุงมือยาง โดยมีเนื้อหาข่าวระบุว่าประเทศไทยส่งออกถุงมือยางที่ใช้แล้วไปยังสหรัฐอเมริกา และเกี่ยวข้องกับขบวนการอุ้มรีดค่าไถ่ชาวไต้หวัน ในพื้นที่ของ สน.ทองหล่อ เมื่อวันที่ 28 มี.ค.ที่ผ่านมานั้น
วันนี้ (28 ต.ค.2564) พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) ยอมรับว่าทั้ง 2 คดี มีความเกี่ยวเนื่องกันจริง ซึ่งในคดีมีผู้ต้องหารวม 23 คน พนักงานสอบสวนส่งสำนวนให้อัยการตรวจสำนวนแล้วเมื่อช่วงปลายเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา แต่อัยการสั่งให้สอบสวนเพิ่มเติมใน 2 ประเด็น คือ คดีนี้กระทำผิดบางส่วนเกิดขึ้นนอกราชอาณาจักร จึงต้องส่งให้อัยการสูงสุดดำเนินการพิจารณาตีความ และพยานที่สอบปากคำนั้นเป็นการสอบสวนผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอเรนซ์ ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19 ทำให้น้ำหนักไม่เพียงพอ พนักงานสอบสวนจึงต้องเชิญพยานมาสอบปากคำด้วยตัวเอง กำหนดนัดในเดือน พ.ย.นี้ ก่อนจะสรุปสำนวนคดีทั้งหมดส่งให้อัยการพิจารณาอีกครั้ง
รอง ผบช.น. เปิดเผยว่า ในกระบวนการทางคดี แม้ผู้ต้องหาจะครบกำหนดการฝากขังและเดินทางกลับประเทศไปแล้ว พนักงานสอบสวนยังมีอำนาจในการสอบสวนและทำสำนวนคดี หากสำนวนคดีสามารถสรุปและสั่งฟ้องได้ ก็จะเรียกตัวผู้ต้องหาเพื่อส่งฟ้องตามขั้นตอน
นอกจากนี้ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้มีคำสั่งมอบหมายให้ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 ตรวจสอบด้วยว่า พนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ เจ้าของคดี มีความบกพร่องในการทำสำนวนคดีหรือไม่
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
สมาคมผู้ผลิตถุงมือยางฯ จี้รัฐเร่งแก้ภาพลักษณ์ไทย
สำรวจโกดังผลิตถุงมือยางใช้แล้วส่งออก ตปท. - ล่าสุดส่งคดีให้อัยการสั่งฟ้องแล้ว
จับเพิ่มแก๊งอุ้มเรียกค่าไถ่นักธุรกิจไต้หวัน พบ 3 ตำรวจร่วมก่อเหตุ
บุกจับอดีตทหารสหรัฐฯ แก๊งทวงหนี้ข้ามชาติ เรียกค่าไถ่ 93 ล้านบาท