เส้นทางชายแดน 3 จังหวัดฝั่งตะวันตกตั้งแต่ จ.กาญจนบุรี, ราชบุรี และประจวบคีรีขันธ์ ระยะทาง 846 กิโลเมตร เป็นช่องทางธรรมชาติที่แรงงานผิดกฎหมายใช้เดินเท้าผ่านเข้ามาประเทศไทยมากที่สุด หลังเปิดประเทศ 1 พ.ย.2564 โดยเฉพาะชายแดน อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี
ล่าสุด เมื่อวันที่ 9 พ.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงจับแรงงานผิดกฎหมายบริเวณ ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ในคราวเดียวถึง 218 คน
พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ในฐานะหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหา COVID-19 ด้านความมั่นคง(ศปม.) ระบุว่า แรงงานข้ามชาติที่ลักลอบเข้ามาส่วนใหญ่จะกระจายไปอยู่ในแหล่งพื้นที่ภาคอุตสาหกรรม
จากสถิติในเดือน ก.ย.พบการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย 5,984 คน , ต.ค.10,870 คน และ พ.ย.ระหว่างวันที่ 1-9 พ.ย.2564 พบการลักลอบแล้ว 4,407 คน
ปัจจัยหลักที่ทำให้แรงงานข้ามชาติผิดกฎหมาย หลั่งไหลเข้าสู่ประเทศไทยคือเรื่องทางเศรษฐกิจที่สมประโยชน์กัน ทั้งฝ่ายแรงงานที่ต้องการเข้ามาหางานทำ และผู้ประกอบการที่ต้องการแรงงานจำนวนมาก รองรับการขับเคลื่อนภาคธุรกิจและบริหาร โดยมีขบวนการนำพาแรงงานผิดกฎหมายเข้ามาเป็นตัวกลางหาผลประโยชน์
ข้อมูลของฝ่ายความมั่นคงพบว่า ค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการนำพาแรงงานผิดกฎหมายเข้าประเทศเฉลี่ยต่ออยู่ที่คนละ 15,000-25,000 บาท และในช่วงเปิดประเทศราคาขยับสูงอยู่ที่ 25,000-26,000 บาท โดยมีทั้งแรงงานจ่ายให้ขบวนการนำพาทั้งหมด นายจ้างเป็นผู้จ่าย หรือ จ่ายร่วมกันทั้งสองฝ่าย
ทำให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม สั่งการในที่ประชุม ครม.ว่า ต้องสกัดกั้นแรงงานผิดกฏหมายทั้งระบบ และสอบสวนขยายผลเอาผิดไปให้ถึงนายทุน นายจ้าง และเจ้าหน้าที่รัฐ ที่เกี่ยวข้องมาดำเนินคดี รวมทั้งเตรียมจัดทำ MOU นำเข้าแรงงานส่วนที่ขาดแคลนให้เกิดความถูกต้อง
การสกัดกั้นแรงงานผิดกฎหมายเข้าประเทศ ไม่เพียงเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 เพื่อไม่ให้เกิดคลัสเตอร์ใหม่ แต่ยังเป็นการขับเคลื่อนแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ และแรงงานภาคบังคับในหลายอุตสาหกรรม โดยเฉพาะแรงงานประมง