วันนี้ (22 พ.ย.2564) สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า การบังคับใช้มาตรการควบคุมโควิด-19 นำไปสู่การประท้วงต่อต้านของประชาชนในหลายประเทศ ซึ่งผู้ประท้วงสะท้อนความไม่พอใจต่อการบังคับใช้มาตรการต่างๆ รวมถึงการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19
การใช้มาตรการควบคุมโรคอย่างเข้มงวด เกิดขึ้นหลังจากอัตราการติดเชื้อในหลายประเทศสูงขึ้นอีกรอบ โดยเฉพาะ "ออสเตรีย" และ "เนเธอร์แลนด์" มีผู้ติดเชื้อเฉลี่ยรายสัปดาห์สูงกว่า 1,000 ต่อประชากร 1 ล้านคน สาเหตุมาจากการเข้าสู่ฤดูหนาว การให้วัคซีนยังไม่ครอบคลุม และการแพร่ระบาดของสายพันธุ์เดลตา
ฮานส์ คลูเกอร์ ผอ.สำนักงานองค์การอนามัยโลกประจำยุโรป แสดงความกังวลต่อสถานการณ์ในยุโรป นอกจากนี้ยังเตือนว่า ยุโรปอาจมีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 เพิ่มอีก 500,000 คน ภายในเดือน มี.ค.2565 โดยการบังคับใช้มาตรการสวมหน้ากากอนามัย อาจจะช่วยบรรเทาการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ทันที
รวมทั้งเร่งฉีดวัคซีนให้มากขึ้น บังคับใช้มาตรการด้านสาธารณสุขขั้นพื้นฐานและการใช้วิธีการรักษาใหม่ ขณะที่มาตรการบังคับฉีดวัคซีนควรเป็นทางออกสุดท้าย เนื่องจากมาตรการนี้ยังมีข้อถกเถียงเป็นวงกว้าง
ส่วนที่ "เยอรมนี" กำลังพิจารณาใช้มาตรการบังคับฉีดวัคซีน หลังจากอัตราการฉีดวัคซีนเริ่มชะลอตัวลง ขณะนี้เยอรมนีมีผู้ได้รับวัคซีนครบโดส ร้อยละ 68 จากประชากรกว่า 80 ล้านคนทั่วประเทศ
อย่างไรก็ตาม การใช้เอกสารรับรองการฉีดวัคซีน หรือวัคซีน พาสปอร์ต อาจมีช่องโหว่ให้ผู้ติดเชื้อเล็ดลอดได้ ขณะที่การสวมหน้ากากอนามัยและการรักษาระยะห่าง ยังเป็นมาตรการจำเป็นในการควบคุมโควิด-19
อ่านข่าวอื่นๆ
"เนเธอร์แลนด์" วุ่นจลาจลกลางเมืองค้านล็อกดาวน์โควิด
ออสเตรีย ประกาศปิดเมืองอีกครั้ง 22 พ.ย. หลังโควิดเพิ่มต่อเนื่อง
สถานทูตฯ เตือนลอบนำยาเสพติดเข้า "เกาหลีใต้" ระวังโทษหนัก