วันนี้ (17 ธ.ค.2564) สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ (CDC) รับรองคำแนะนำของคณะผู้เชี่ยวชาญที่แต่งตั้งโดยรัฐบาล ซึ่งมีมติเป็นเอกฉันท์ให้แนะนำประชาชนเลือกฉีดวัคซีนโควิด-19 แบบที่ใช้เทคโนโลยี mRNA ที่ผลิตโดยไฟเซอร์ หรือโมเดอร์นา มากกว่าวัคซีนของบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน
ซีดีซี ระบุว่า วัคซีนจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน อาจทำให้เกิดอาการลิ่มเลือดอุดตัน แม้จะพบได้ยาก แต่ก็อาจเป็นอันตรายร้ายแรงต่อชีวิตได้
ก่อนหน้านี้ มีรายงานการพบผลข้างเคียง คือภาวะลิ่มเลือดอุดตันจากการฉีดวัคซีนจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ซึ่งส่วนใหญ่พบในกลุ่มผู้หญิงอายุไม่เกิน 50 ปี แต่ภายหลังซีดีซีพบว่า มีผู้ที่เกิดอาการข้างเคียงมากกว่าที่เคยประเมินไว้ โดยมีมากกว่า 50 คน หรือเท่ากับเกิดขึ้นประมาณ 3.83 กรณี ต่อการฉีดวัคซีนจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน 1 ล้านโดส และมีผู้เสียชีวิตจากอาการนี้แล้วอย่างน้อย 9 คน
นอกจากนี้คณะที่ปรึกษายังให้เหตุผลเพิ่มเติมว่า วัคซีนจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคน้อยกว่าของไฟเซอร์และโมเดอร์นาด้วย
ขณะที่บริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ระบุว่า ทางบริษัทให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและสวัสดิภาพของผู้ใช้วัคซีนมาเป็นอันดับแรก และพร้อมจะร่วมมือกับทาง ซีดีซีเพื่อหารือเกี่ยวกับเรื่องนี้ต่อไป
ล่าสุด ซีดีซีรายงานการพบกรณีกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบในเด็กวัย 5-11 ปีที่ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ จำนวน 8 คน แต่ยังไม่ได้ระบุชัดเจนถึงความเชื่อมโยงกับการฉีดวัคซีนโควิด-19 หลังจากก่อนหน้านี้เคยรายงานอัตราการเกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ในกลุ่มเด็กชายวัย 12-15 ปี จำนวน 40 กรณี ต่อการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 จำนวน 1 ล้านเข็ม
อ่านข่าวอื่นๆ
ระบาดหนัก "อังกฤษ" พบติดโควิดเกิน 88,000 คนใน 1 วัน
ยุโรปเริ่มฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ให้เด็กอายุ 5-11 ปี คุมโควิด-19
"โอมิครอน" ผสม "เดลตา" น่ากังวลแค่ไหน?