วันนี้ (3 ม.ค.2565) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการพิจารณากฎหมายลูกเลือกตั้ง 2 ฉบับ คือ ร่าง พ.ร.ป. ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และ ร่าง พ.ร.ป. ว่าด้วยพรรคการเมือง จะเป็นการพิจารณาร่วมกันของสมาชิกรัฐสภาคือ ส.ส.และ ส.ว. ซึ่งคาดว่าจะมีการนำเข้าสู่การพิจารณา 5 ร่าง คือร่าง ครม.-ร่างเพื่อไทย-ร่างพรรคร่วมรัฐบาล-ร่างพรรคก้าวไกล-และร่างพรรคประชาชาติ
ในวาระพิจารณารับหลักการ ต้องติดตามว่าสมาชิกจะรับหลักการร่างทุกฉบับหรือไม่ หรือจะรับรวมทุกร่างฯ หรือจะแยกรับ แต่ส่วนใหญ่แล้ว ร่างที่หลักการใกล้เคียงกันน่าจะรับไปทั้งหมด ยกเว้นบางร่างที่มีหลักการที่ย้อนแย้งสุ่มเสี่ยงขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ คาดว่ารัฐสภาอาจจะไม่รับหลักการ
จะพิจารณาเช่น กรณีการแก้ไขเรื่องการทำไพรมารี่โหวต ซึ่งจะต้องไปดูวิธีการ บทบัญญัติว่าแก้อย่างไร โดยพรรคเพื่อไทยเสนอให้คงหลักการว่า มีการทำไพรมารี่โหวตหรือการโหวตเลือกผู้สมัครขั้นต้นของสมาชิก แต่ไม่จำเป็นต้องมีตัวแทนพรรคการเมือง ประจำจังหวัดทุกเขตเลือกตั้ง โดยเปิดให้สาขาพรรคการเมืองดำเนินการทำ ไพรมารี่โหวตได้
ซึ่งจะแตกต่างจากร่างของพรรคร่วมรัฐบาล และต้องไปดูในรายละเอียดว่า จะมีแนวทางการให้ความเห็นชอบอย่างไร แต่หลักการใหญ่คือยังต้องคงการทำไพรมารี่โหวตโดยการลงคะแนน เนื่องจากเป็นเจตนารมย์ของรัฐธรรมนูญ
ไทม์ไลน์การพิจารณากฎหมายลูก ทุกฝ่ายต่างเห็นพ้องต้องกันว่าจะดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ซึ่งสามารถทำได้เช่น เมื่อผ่านวาระที่ 1 เข้าสู่วาระที่ 2 การพิจารณาชั้นกรรมาธิการ อาจจะมีการเพิ่มวันเวลาทำงานในช่วงปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎรเดือน มี.ค.และ เม.ย. เพื่อพิจารณาให้แล้วเสร็จ
จากนั้นเมื่อเปิดสมัยประชุมครั้งต่อไป นำเข้าสู่การพิจารณาวาระที่ 2-3 เชื่อว่าจะแล้วเสร็จก่อนเดือน ก.พ. หรืออย่างช้าคือเดือน พ.ค. หากจะพิจารณาให้แล้วเสร็จโดยเร็วคาดว่าภายในช่วงปลายเดือน ก.พ.ก็สามารถดำเนินการได้
หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงท่าทีของพรรคเพื่อไทย ในการพิจารณารับหลักการร่างกฏหมายลูกของพรรคร่วมฝ่ายค้าน เช่น ร่างของพรรคก้าวไกล ที่มีการยกเลิกอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ ในการสั่งยุบพรรค หรือการเพิ่มบทกำหนดโทษ กกต. กรณีความรับผิดในการจัดการเลือกตั้ง ซึ่งพรรคเพื่อไทยจะพิจารณาว่า หลักการแก้ของแต่ละร่างจะเป็นประโยชน์ต่อพรรคการเมืองหรือไม่ ในการพิจารณา โดยไม่ได้ตั้งธงว่าจะรับหรือไม่รับ