วันนี้ (3 ม.ค.2565) นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ ผู้กำกับการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินจังหวัดเชียงใหม่ ออกคำสั่งคุมเข้มมาตรการป้องกันโควิด 19 หลังเทศกาลปีใหม่ โดยมีเนื้อหาดังนี้
คำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ ที่ 1/2565 เรื่อง มาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ในช่วงหลังเทศกาลปีใหม่ ด้วยสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ได้รายงานว่า จากการสอบสวนโรคพบการแพร่กระจายของผู้ติดเชื้อโควิด - 19 เป็นกลุ่มก้อน ทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศที่เดินทางเข้ามาในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ช่วงเทศกาลปีใหม่ มีแนวโน้มการระบาดได้อย่างรวดเร็วและขยายเป็นวงกว้าง
ประกอบกับศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 กระทรวงมหาดไทย แจ้งว่านายกรัฐมนตรีได้มีบัญชาให้ส่วนราชการและหน่วยงานภาครัฐยกระดับมาตรการป้องกันและควบคุม โรคในสถานที่ราชการและหน่วยงานของรัฐในระหว่างวันที่ 1 - 14 มกราคม 2565 อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 34 และมาตรา 35 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 ประกอบกับข้อ 7 (1) ของข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ฉบับที่ 1 ลงวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ.2563 ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ในฐานะประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ ตามมติที่ประชุมครั้งที่ 1/2565 เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2565 จึงออกคำสั่ง มาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรค Covid - 19 ในช่วงหลังเทศกาลปีใหม่
ข้อ 1 มาตรการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งหน่วยงาน (Work from home)
1.ให้หัวหน้าส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ พิจารณาสั่งการให้ข้าราชการ พนักงาน เจ้าหน้าที่ หรือบุคคลในความรับผิดชอบ พิจารณาดำเนินมาตรการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง หน่วยงาน (Work from home) เพื่อลดจำนวนการเดินทางของเจ้าหน้าที่และบุคลากรที่อยู่ในความรับผิดชอบ เป็นระยะเวลาตามความจำเป็นและเหมาะสม โดยไม่ให้กระทบต่อการบริการประชาชน ในระหว่างวันที่ 4-14 ม.ค.2565
2. ให้เจ้าของสถานประกอบการ บริษัทเอกชน และห้างร้านต่าง ๆ แจ้งให้พนักงาน เจ้าหน้าที่ หรือลูกจ้างในความรับผิดชอบ พิจารณาดำเนินมาตรการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งหน่วยงาน (Work from home) ตามความเหมาะสม ในระหว่างวันที่ 4 - 14 ม.ค.2565
ข้อ 2 มาตรการค้นหากลุ่มเสี่ยงติดเชื้อด้วยการตรวจ ATK เชิงรุก
1.ให้หัวหน้าส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ แจ้งข้าราชการ ลูกจ้างประจำ พนักงานราชการ และบุคลากรในสังกัดทุกคน ต้องตรวจหาเชื้อแบบตรวจหาแอนติเจนด้วยตนเอง (ATK) และส่งใบรับรองผลการตรวจ ATK ให้แก่หน่วยงานต้นสังกัดก่อนกลับมาปฏิบัติหน้าที่ จำนวน ๒ ครั้ง ดังนี้ ครั้งแรกในวันที่ 4 ม.ค.2565 และครั้งที่ 2 ในวันที่ 10 ม.ค.2565 พร้อมทั้งให้เก็บหลักฐานผลการตรวจหาเชื้อไว้ในกรณีเจ้าหน้าที่ขอตรวจสอบด้วย
2.ให้เจ้าของ ผู้จัดการ หรือผู้ดูแลตลาดสดและตลาดนัดทุกแห่ง ดำเนินการและอำนวย ความสะดวกให้พ่อค้าแม่ค้าในตลาดทุกคน ให้ตรวจหาเชื้อ Covid - 19 ด้วย ATK พร้อมกันจำนวน 2 ครั้ง ดังนี้ ครั้งแรกในวันที่ 4 ม.ค.2565 และครั้งที่ 2 ในวันที่ 10 ม.ค.2565 พร้อมทั้งให้เก็บหลักฐานผลการตรวจหาเชื้อไว้ในกรณีเจ้าหน้าที่ขอตรวจสอบด้วย
3.ให้ผู้ประกอบธุรกิจ ผู้จัดการ หรือผู้ดูแลสถานประกอบการร้านอาหารและเครื่องดื่ม และโรงแรมที่เปิดให้บริการในช่วงเทศกาลปีใหม่ทุกแห่ง ดำเนินการและอำนวยความสะดวกให้พนักงานและลูกจ้างในร้านทุกคน ให้ตรวจหาเชื้อ Covid - 19 ด้วย ATK พร้อมกันจำนวน 2 ครั้ง ดังนี้
ครั้งแรกในวันที่ 4 ม.ค.2565 และครั้งที่ 2 ในวันที่ 10 ม.ค.2565 พร้อมทั้งให้เก็บหลักฐาน ผลการตรวจหาเชื้อไว้กรณีเจ้าหน้าที่ขอตรวจสอบด้วย ทั้งนี้ ให้สถานประกอบการดังกล่าวข้างต้นถือปฏิบัติ ตามมาตรการปลอดภัยองค์กร (Covid Free Setting) อย่างเคร่งครัด
ข้อ 3 มาตรการจัดกิจกรรมรวมคนเป็นจำนวนมาก
1.ให้หน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์กรภาคเอกชน รวมทั้งประชาชนทั่วไปหลีกเลี่ยงการจัดกรรมที่ส่งผลให้เกิดการรวมกลุ่มหรือเคลื่อนที่ของกลุ่มคนจำนวนมาก เช่น การประชุมการสัมมนา การฝึกอบรม การจัดสอบ ฯลฯ หากมีความจำเป็นให้จัดกิจกรรมโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ให้มากที่สุด ยกเว้น กรณีการยกเลิก ระงับ หรือเลื่อนการจัดกิจกรรมใดแล้วอาจเกิดผลเสียแก่ทางราชการ ให้พิจารณาดำเนินการจัดกิจกรรมดังกล่าว ภายใต้มาตรการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดอย่างเต็มความสามารถ ในระหว่างวันที่ 4 - 14 ม.ค.2565
2. ให้หน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์กรภาคเอกชน รวมทั้งประชาชนทั่วไป หลีกเลี่ยงการจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ หรือการจัดกิจกรรมที่รวมกลุ่มคนจำนวนมากที่อาจเสี่ยงต่อการแพร่ระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ในระหว่างวันที่ 4 - 14 ม.ค.2565
ข้อ 4 ให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่เตรียมความพร้อมของสถานพยาบาลเพื่อรองรับการรักษาผู้ติดเชื้อที่อาจมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น โดยเตรียมวัสดุอุปกรณ์ยาเวชภัณฑ์รวมทั้งบุคลากรในการ ปฏิบัติงานให้พร้อมตลอดเวลา เมื่อมีสถานการณ์ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019
ข้อ 5 ให้พนักงานเจ้าหน้าที่สอดส่องเฝ้าระวังและติดตามการดำเนินมาตรการของผู้ประกอบการหรือผู้มีหน้าที่รับผิดชอบ สถานที่ การจัดงานหรือกิจกรรมต่างๆ ให้เป็นไปตามมาตรการป้องกันและควบคุมโรคที่ทางราชการกำหนดอย่างเคร่งครัด หากมีการฝ่าฝืนให้แจ้งให้ดำเนินการแก้ไข หรือเห็นว่าการกระทำดังกล่าวจะมีผลต่อการแพร่ระบาดของโรค อาจสั่งให้ปิดหรือหยุดการดำเนินการดังกล่าวได้
และดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ข้อ 6 คำสั่งหรือประกาศฉบับใดขัดหรือแย้งกับคำสั่งฉบับนี้ ให้ถือปฏิบัติตามคำสั่งฉบับนี้แทน
อนึ่ง การดำเนินการตามคำสั่งนี้ เป็นไปตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 จึงไม่อยู่ในบังคับของกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองและกฎหมายว่าด้วย การจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง ตามมาตรา 16 ของพระราชกำหนดดังกล่าว ผู้ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนี้มีความผิดตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 มาตรา 51 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือมาตรา 52 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปีหรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และมีความผิดตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปีหรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 4 กราคม พ.ศ.2565 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง ซึ่งจะได้มีการประเมินเป็นระยะเพื่อกำหนดแนวทางการปฏิบัติให้เหมาะสมกับสถานการณ์ต่อไป สั่ง ณ วันที่ 3 มกราคม พ.ศ.2565