วันนี้ (9 ม.ค.2565) พล.ร.ต.สุรศักดิ์ ประทานวรปัญญา รองผู้อำนวยการ ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 2 เปิดเผยว่า เรือปริศนาที่ลอยลำ เข้ามาในเขตน่านน้ำพื้นที่ทะเลอ่าวไทย เมื่อวันที่ 6 ม.ค.ที่ผ่านมา
อ่านข่าวเพิ่ม : พบเรือสินค้าปริศนา ไร้ลูกเรือ ทัพเรือภาค 2 เร่งกู้ กลางทะเลสงขลา
ได้จมลงใต้ทะเลแล้ว เมื่อคืนวันที่ 8 ม.ค. เนื่องจากเรือลำดังกล่าวมีรอยรั่วหลายจุด แม้ทางเจ้าหน้าที่ทัพเรือภาค 2 จะพยายามสูบน้ำออกจากตัวเรือ เพื่อทำการเคลื่นย้ายเรือเข้าฝั่ง แต่ก็ไม่สามารถดำเนินการได้อย่างสะดวก เนื่องจากสภาพคลื่นลมในทะเลที่มีกำลังแรง ทำให้เรือ ร.ล.ตาปี ไม่สามารถนำเรือเข้าเทียบเรือลลำดังกล่าว เพราะคลื่นในทะเลที่มีกำลังแรง อาจจะทำให้เรือ ร.ล.ตาปี ได้รับการกระแทกจนเกิดความเสียหายได้
แต่เนื่องจากเรือลำดังกล่าวมีรอยรั่วหลายจุด น้ำที่ไหลทะลักเข้าในตัวเรือ บวกกับสภาพคลื่นลมในทะเล ทำให้เรือลำดังกล่าวจมลงในทะเล
ซึ่งจุดที่เรือจมลงอยู่ห่างจากฝั่ง อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช ประมาณ 28 ไมล์ทะเล โดยในจุดที่เรือจมมีคราบน้ำมัน เจือจาง ไม่มีความแน่นของคราบน้ำมันมากนัก ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นน้ำมันที่อยู่ในห้องเครื่องผสมกับน้ำมันหล่อลื่น ที่ไหลออกมาจากตัวเรือ
ทางทัพเรือภาคที่ 2 ได้เร่งนำเรือทั้งในส่วนของทัพเรือภาคที่ 2 และประสานไปยังเจ้าท่านครศรีธรรมราช ร่วมทั้งเรือของภาคเอกชน เร่งสกัดครบน้ำมันที่ไหลออกมาจากตัวเรือลำดังกล่าว หลังเกิดจมลง
โดยทางทัพเรือภาคที่ 2 ได้ประสานไปยังบริษัทขุดเจาะน้ำมัน นำทุ่นมาวางรอบจุดที่เรือจม เพื่อไม่ให้คราบน้ำมันไหลไปตามกระแสน้ำ จนทำให้เกิดผลกระทบต่อธรรมชาติใต้ท้องทะเล และผลกระทบในพื้นที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว
โดยในเบื้องต้นพบว่า กระแสน้ำในจุดที่เรือจมจะไหลมาทางเกาะมัดสุม และ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งอยู่ในทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของจุดที่เรือจม ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 2-3 วัน ทางเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน จึงต้องเร่งสกัดน้ำมัน แม้ว่าจะมีปริมาณที่เจือจาง เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อพื้นแหล่งท่องเที่ยวอย่างเกาะสมุย
ขณะที่การตรวจสอบเรือลำดังกล่าวจนถึงขณะนี้ ยังไม่สามารถระบุชัดได้ว่า เป็นเรือสินค้าของประเทศใด แต่สภาพตัวเรือที่พบ เป็นเรือสินค้าที่คาดว่ามีการปลดระวางแล้ว เนื่องจากเรือมีสภาพเก่ามาก และไม่มีอุปกรณ์เดินเรือใด ๆ ในเรือแล้ว ร่วมถึงไม่มีสมอเรือด้วย