วันนี้ (10 ม.ค.2565) คริปโตเคอร์เรนซี หรือสกุลเงินดิจิทัล เริ่มเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมในวงกว้าง หลังจากกลายมาเป็นสินทรัพย์การลงทุน หรือเก็งกำไร ประเภทหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงปลายปี 2564 ต่อเนื่องถึงต้นปี 2565
ไม่ว่าจะเป็นเพราะกระแสความนิยม หรือความจำเป็นภาคบังคับจากโรคโควิด-19 ที่ทำให้ประชาชนหันมาหารายได้เพิ่มจากทางอื่น นอกเหนือจากงานประจำ หรือบางคนโชคร้ายตกงานจากโควิด-19 ทำให้ไม่มีทางเลือกอื่นเหลืออยู่มากนัก
ขณะที่การประกอบอาชีพอื่นๆ ล้วนแล้วแต่ต้องมีเงินทุน และต้องมีความรู้ หรือเชี่ยวชาญเกี่ยวกับอาชีพนั้นๆ อย่างถ่องแท้ รวมทั้งต้องใช้ระยะเวลาหนึ่งในการคืนทุน อาจเป็นเวลา 2-3 ปี หรือระยะสั้นกว่านั้น ซึ่งขึ้นอยู่กับจำนวนเงินที่ได้ลงทุนไป
ปฏิเสธไม่ได้ว่าหลายคนไม่มีทางเลือกอื่นมากนัก จากเงินทุนที่จำกัด ดังนั้น การลงทุน หรือเก็งกำไรในสกุลเงินดิจิทัล จึงค่อนข้างตอบโจทย์ในแง่ใช้เงินทุนน้อย เป็นการใช้เงินมาต่อเงิน แม้ว่าจะมีความเสี่ยงสูงที่สูญเสียเงินก้อนไปก็ตาม
ประกอบกับในช่วงที่ผ่านมา มีคนที่ประความสำเร็จออกมาทำคลิปยูทูป เกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัลมากขึ้น ในแง่ลงทุนแล้วใช้เวลาไม่กี่เดือน ได้เงินเพิ่มมาหลายเท่าตัว ซึ่งสร้างความหวังใหม่ให้คนที่ไม่เคยเข้ามาลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลได้วาดฝันไว้สวยหรู
แต่ในวันนี้ ไม่ได้เป็นการมาบอกกล่าวเล่าแจ้งในแง่ความเสี่ยงของการลงทุน หรือเก็งกำไรในสินทรัพย์ประเภทนี้ แต่จะมาเล่าให้นักลงทุนมือใหม่ฟังว่าสกุลเงินดิจิทัลที่ได้รับความนิยมในประเทศไทย และทั่วโลกมีเหรียญอะไรบ้าง
เหรียญแรก ที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก คงหนีไม่พ้นบิตคอยน์ หรือ BTC จากข้อมูลจากเว็บไซต์บิทคับ ซึ่งเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มเทรดเหรียญดิจิทัลในประเทศไทย ระบุว่า ซาโตชิ นากาโมโตะ ได้คิดค้นบิตคอยน์ขึ้นมาในปี 2009
ซึ่งเป็นเงินดิจิทัล หรือเงินอิเล็กทรอนิกส์ ที่อยู่บนเครือข่ายบล็อกเชน สามารถโอนไปให้ผู้รับโดยตรง ไม่ต้องผ่านตัวกลาง หรือธนาคาร ทำให้มีค่าธรรมเนียมต่ำมาก เมื่อเทียบกับการโอนเงินแบบเดิม สามารถโอนได้ทั่วโลกและรวดเร็ว
นอกจากนี้ ยังไม่มีใครมาแทรกแซงบัญชี หรือการโอนเงินบิตคอยน์ของเราได้ จึงถือว่าปลอดภัยมาก แม้ว่าไม่มีตัวกลาง เนื่องจากบิตคอยน์ทำงานอยู่บนระบบบล็อกเชน หากข้อมูลถูกบันทึกไปในบล็อกเชนแล้ว เปลี่ยนแปลงได้ยากมาก
สำหรับเหรียญบิตคอยน์มีจำนวนจำกัดอยู่ที่ 21 ล้านเหรียญ ขณะที่จากการจัดอันดับความมั่นคงของมูลค่าตามราคาตลาด โดยเว็บไซต์ Infinite Market Cap พบว่าเป็นสินทรัพย์ที่มีความมั่นคง อันดับที่ 10 ของโลก
เหรียญที่ 2 อีเธอร์เรียม (Ethereum) หรือ ETH ถูกสร้างขึ้นมาโดย Vitalik Buterin ชาวรัสเซีย ที่เป็นหนึ่งในทีมพัฒนาบิตคอยน์ ในปี 2015 เป็นเหรียญอันดับ 2 ของตลาดคริปโตเคอร์เรนซี โดยมีการคาดการณ์ว่าอาจจะมาแทนที่บิตคอยน์ได้ในอนาคต
อย่างไรก็ตาม แพลตฟอร์มอีเธอร์เลียมไม่ได้จำกัดแค่เรื่องธุรกรรมทางการเงิน แต่สามารถประยุกต์ใช้กับธุรกิจอื่นๆ ในวงกว้างได้อีกมากมาย อีเธอร์เลียม เป็นเหรียญที่ไม่ได้ถูกจำกัดจำนวนไว้อย่างชัดเจน และเป็นสินทรัพย์ที่มีความมั่นคง อันดับที่ 27 ของโลก
เหรียญที่ 3 Tether หรือ USDT เป็นเหรียญที่มีเสถียรภาพ ถูกสร้างขึ้นมาโดยบริษัท Tether เพื่อลดช่องว่างระหว่างสกุลเงิน fiat และสกุลเงินดิจิทัล โดยนำเสนอราคาที่คงที่และเทียบเท่ากับเหรียญหรือโทเค็น บริษัทระบุว่า 1 USDT มีมูลค่าเท่ากับ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ
เปิดตัวในชื่อ "Realcoin" ในเดือน ก.ค.2014 แต่ในเดือน พ.ย.2014 บริษัทได้เปลี่ยนชื่อเป็น "Tether" และหลังจากนั้นเว็บเทรด Bitfinex ได้ลิสต์เหรียญ Tether ขึ้นเป็นครั้งแรกในเดือน ม.ค.2015 และสินทรัพย์ที่มีความมั่นคง อันดับที่ 231 ของโลก
ขณะที่เหรียญที่ได้รับความนิยมในประเทศไทย คงหนีไม่พ้นบิตคับ เจฟิน คอยน์ และซิกซ์ ซึ่งเหรียญแรก คือบิตคับ ซึ่งเป็นเหรียญที่ออกมาใช้ในบนแพลตฟอร์มของเทรดเหรียญดิจิทัลในประเทศไทย ซึ่งได้รับการอนุญาตจาก ก.ล.ต.
แรกเริ่มเดิมที ราคาเหรียญบิตคับ กำหนดไว้ 30 บาท ซึ่งนายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งบิตคับ ระบุว่ามาจากการคำนวณสัดส่วนระหว่างจำนวนเหรียญทั้งหมดที่อยู่บนบล็อกเชน รวมถึงปริมาณซื้อขายเฉลี่ยรายวันของกระดานเทรด
และเปรียบเทียบกับปริมาณซื้อขายของกระดานเทรดอื่นๆ ส่วนสิทธิประโยชน์ของเหรียญ ผู้ถือครองสามารถนำไปใช้ลดค่าธรรมเนียมในการซื้อขายบนกระดานเทรด ล่าสุด ณ เวลา 18.00 น. ราคาอยู่ที่ 393 บาท และเคยปรับเพิ่มขึ้นไปสูงสุดที่ 580 บาท มาแล้ว
เหรียญต่อมาเป็น เจฟิน คอยน์ หรือ JFIN ถือว่าเหรียญสกุลเงินดิจิทัลแรกๆ ที่เปิดระดมทุนต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรกในปี 2561 จำนวน 100 ล้านเหรียญ ก่อนจะมีกฎหมายบังคับใช้ โดยบริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัด หรือ JVC ซึ่งเป็นบริษัทย่อยในเครือ JMART
ราคาเสนอขายที่เหรียญละ 0.20 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 6.60 บาท ราคาล่าสุดอยู่ที่ 111.5 บาท สำหรับวัตถุประสงค์ คือต้องการนำไปพัฒนาระบบสินเชื่อแบบดิจิทัลให้กับบริษัท เจ ฟินเทค ซึ่งในปัจจุบัน เตรียมเปิดให้ใช้ซื้อตั๋วโดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอสได้ด้วย
ส่วนเหรียญที่ 3 คือ ซิกส์ หรือ SIX เป็นเหรียญของบริษัท SIX Network ที่เริ่มก่อตั้งและจดทะเบียนในปี 2561 โดยนายณัฐวุฒิ พึงเจริญพงศ์ ผู้ก่อตั้งกลุ่มบริษัท Ookbee และผู้บริหารกองทุน 500 ตุ๊กตุ๊ก และนายวัชระ เอมวัฒน์ ผู้ก่อตั้งบริษัท Computerlogy ที่เป็นบริษัทแรกที่ได้รับการลงทุนจากกลุ่ม FSN ของเกาหลีใต้
สำหรับเป้าหมาย คือการสร้างแพลตฟอร์มการเงินไร้ตัวกลาง หรือ DeFi ที่มีการใช้งานที่ง่าย และเข้าถึงได้โดยคนธรรมดาทั่วไป โดยเปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานสามารถสร้างรูปแบบการลงทุนด้วยตนเองได้อย่างไร้ขีดจำกัด
เหรียญนี้ เปิดขายที่ 3 บาทในปี 2561 มีจำนวน 1,000 ล้านเหรียญ ราคาล่าสุดอยู่ที่ประมาณ 7.57 บาท ขณะที่เว็บไซต์ Infinite Market Cap ระบุว่าเป็นสินทรัพย์ที่มีความมั่นคง อันดับที่ 7,681 ของโลก ซึ่งนับเป็นเหรียญเดียวใน 3 อันดับแรกเหรียญยอดนิยม
อ่านข่าวเพิ่มเติม