เมื่อช่วงเย็นวานนี้ (9 ม.ค.2565) สถานีโทรทัศน์ MRTV ของทางการเมียนมา ได้ประกาศให้กลุ่มต่อต้านรัฐบาล ซึ่งประกอบด้วยกองกำลังกะเหรี่ยง เคเอ็นพีพี ยุติการสู้รบกับทหารรัฐบาลในพื้นที่เมืองลอยก่อ และเมืองดีมอร์โซว์ รัฐคะยา ภายใน 3 วัน
และหากพ้นกำหนดวันที่ 13 ม.ค.2565 ฝ่ายต่อต้านยังมีการลอบโจมตีทหารเมียนมา ทางรัฐบาลอาจตัดสินใจส่งอากาศยานโจมตี จ.ลอยก่อ เมืองหลวงรัฐคะยา
สอดคล้องกับนายอู หม่อง ฟา ชาวบ้านใน จ.ลอยก่อ ที่ยืนยันทางโทรศัพท์ว่ายังมีการสู้รบระหว่างทหารรัฐบาลและฝ่ายต่อต้านในตัวเมือง และชานเมือง จ.ลอยก่อ อย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกัน ช่วงกลางคืนจะมีเครื่องบินมาทิ้งระเบิดส่งผลให้บ้านเรือนและตึกอาคาร ทำให้ประชาชนในตัวเมืองต้องอพยพไปอาศัยกับญาติตามรัฐต่างๆ บางส่วนอพยพอยู่ตามป่าบริเวณชานเมือง หรือมุ่งหน้าทางทิศใต้ทาง จ.แม่ฮ่องสอน
การซุ่มโจมตีกองทัพเมียนมาที่มุ่งหน้าเข้าพื้นที่รัฐคะยาอย่างหนัก จนสร้างความสูญเสียจำนวนมาก ทำให้กองทัพเมียนมาต้องใช้เครื่องบิน ลำเลียงกำลังพล และยุทโธปกรณ์ เข้าพื้นที่รัฐคะยาแทนการขนส่งทางบก เพื่อลดการสูญเสียกำลังพล
ขณะเดียวกัน ในพื้นที่รัฐกะเหรี่ยง ตรงข้าม จ.ตาก ทหารเมียนมาได้ใช้เครื่องยิงลูกระเบิด ขนาด 60 มิลลิเมตร และขนาด 120 มิลลิเมตร จากฐานยิงบ้านผาลูใหญ่ ตรงข้ามบ้านแม่โกนเกน ต.มหาวัน อ.แม่สอด จ.ตาก
ยิงไปยังที่มั่นของทหารสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยงเคเอ็นยู บ้านผาลูน้อย ตรงข้ามบ้านห้วยมหาวัน อ.แม่สอด และปะทะกันด้วยอาวุธประจำกาย
ทำให้มีผู้ลี้ภัยชาวเมียนมากว่า 500 คน ข้ามแม่น้ำเมยเข้ามาเขตไทย ซึ่งฝ่ายทหารหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบราบที่ 14 ได้เข้าไปดูแล ทั้งนี้ ในพื้นที่ อ.แม่สอด มีผู้ลี้ภัยสงครามที่ยังไม่เดินทางกลับประมาณ 1,900 คน
ล่าสุด ทหารเมียนมาได้ถอนกำลังภาคพื้นดินกลับไปที่ตั้ง เนื่องจากถูกต่อต้านจากฝ่ายกะเหรี่ยงและกองกำลังพิทักษ์ประชาชน หรือ พีดีเอฟ อย่างหนัก
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
"เคเอ็นยู" ซุ่มยิงรถบรรทุกก๊าซแอลพีจีในรัฐกะเหรี่ยง
ชาวบ้านอ้าง "เมียนมา" ยึดทรัพย์ หลังคุมพื้นที่ได้
"เคเอ็นยู" เชื่อจะไม่ถูกโดดเดี่ยว สู้รบ "เมียนมา"
เคเอ็นยู เผย มีผู้ลี้ภัยกว่า 10,000 คน หนีการสู้รบกับทหารเมียนมา