ย้อนเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่กองสลากฯ และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ป.) เข้าอายัดสลากกินแบ่งรัฐบาลงวดประจำวันที่ 1 ก.พ.2565 จำนวน 400 กล่อง 200,000 ฉบับ มูลค่า 16 ล้านบาท ที่สำนักงานไปรษณีย์สาขาอำเภอเอราวัณ จ.เลย
หลังจากได้รับการร้องเรียนว่า สาเหตุที่สลากฯ มีราคาแพง เพราะเจ้าของโควตาไม่ออกเร่ขายสลากด้วยตัวเอง แต่ใช้วิธีการขายส่งให้กับยี่ปั๊วหลายทอด เพื่อจัดเป็นเลขชุด ชุดละ 2 ใบ, 3 ใบ, 5 ใบ ทำให้ราคาขายสลากฯ สูงกว่าราคาที่กำหนด
ผู้สื่อข่าวสอบถามไปยังนายสมบัติ หนึ่งในผู้ที่ได้รับโควตาจากกองสลากฯ งวดละ 5 เล่ม หรือ 500 ใบ เขาอ้างว่า ปกติทุกงวดจะเดินทางมาพร้อมกับญาติพี่น้อง เพื่อมารับสลากฯ ที่สำนักงานไปรษณีย์ แล้วก็จะออกเร่ขายตามต่างจังหวัด แต่งวดนี้เจ้าของโควตาส่วนใหญ่ต้องตัดอ้อยส่งเข้าโรงงาน ไม่มีเวลาไปเดินเร่ขาย จึงต้องรวบรวมสลากฯ เพื่อส่งขายให้ยี่ปั๊วแทน และนำไปขายต่อในตลาดวังสะพุง ซึ่งหากกองสลากฯ จะตัดโควตาของใคร ควรขอให้ตรวจสอบความเท็จจริงและความจำเป็นก่อน เพราะต้องยอมรับว่า การขายสลากฯ เป็นอาชีพหลักที่สร้างรายได้ให้กับครอบครัว
![](https://news.thaipbs.or.th/media/TSNBg3wSBdng7ijMhwXIor7LTyfm9xeyqmDMUdJnPqB.png)
สำหรับผู้ที่ได้รับโควตาจากสำนักงานสลากฯ ตามข้อกำหนดจะต้องเป็นผู้ที่ขายเอง ห้ามส่งขายให้กับยี่ปั๊ว แต่จากการตรวจสอบพบว่ามีการซื้อขาย 2 รูปแบบ คือ เจ้าของโควตา เร่ขายเอง และเจ้าของโควตาขายสลากฯ ให้กับยี่ปั๊วก่อนหน้านี้แล้วให้เจ้าหน้าที่สำนักงานไปรษณีย์บางคนคัดแยกโควตาตามรายชื่อ และนำส่งให้กับยี่ปั๊วรายใหญ่ที่ด้านหลังไปรษณีย์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์จะได้รับเงินค่าจ้างในการคัดแยกกล่องละ 100 บาท
เมื่อเจ้าของโควตาขายสลากฯ ให้กับยี่ปั๊วเพื่อนำไปจัดทำเป็นเลขชุด เจ้าของโควตาก็จะกลับมาซื้อสลากกับยี่ปั๊วและนำไปเร่ขายอีกครั้ง วิธีการนี้จะเป็นการได้กำไร 2 ต่อ ทั้งจากการขายโควตาและการเดินเร่ขายเลขชุด