ไทยพีบีเอสติดตามการเปลี่ยนมืออาคารมูลค่า 7,000 ล้านบาท ที่มีสำนักงานประกันสังคมเป็นเจ้าของ และข้อมูลสำคัญ คือ ขั้นตอนที่นำไปสู่การลงทุนของสำนักงานประกันสังคม ก่อนหน้านี้ สส.พรรคประชาชน ได้ตั้งคำถามไปยังกระทรวงแรงงานฯ เกี่ยวกับการโยกย้ายบุคคลที่เคยปฏิบัติหน้าที่ "หน้าห้อง" รัฐมนตรี ไปทำงานในกลุ่มงานบริหารความเสี่ยงและกำกับการลงทุนของสำนักงานประกันสังคม ก่อนตั้งอนุกรรมการอีกชุด คือ "อนุกรรมการที่ปรึกษาการลงทุนนอกตลาด" โดยมีบุคคลเดียวกัน ทำหน้าที่ทั้ง 2 ตำแหน่ง
คำสั่ง ของคณะกรรมการประกันสังคม ที่ 10/2565 ระบุถึง การแต่งตั้งอนุกรรมการที่ปรึกษาการลงทุนสินทรัพย์นอกตลาด กองทุนประกันสังคม แต่หากรายชื่อผู้ได้รับแต่งตั้ง จำนวนทั้ง 13 คน ส่วนใหญ่ระบุตำแหน่งที่ได้รับการแต่งตั้ง แต่ในจำนวนรายชื่อทั้งหมด มีบางคนถูกแต่งตั้ง ด้วยการระบุชื่อโดยตรง ทั้งที่ไม่ได้อยู่ในฐานะเป็นหัวหน้าหน่วยงาน หรือ ในระดับผู้อำนวยการกอง แต่บุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งเข้าร่วมอนุกรรมการลงทุนนอกตลาดฯ รายนี้ตำแหน่งนี้เป็นนักวิชาการ ระดับ 7 เท่านั้น และอำนาจของคณะกรรรมการชุดนี้ มีส่วนตั้งต้นนำไปสู่การซื้อตึก มูลค่า 7,000 ล้านบาท
ไทยพีบีเอสได้ข้อมูลจากแหล่งข่าวในกระทรวงแรงงานฯ ว่า บางคนในรายชื่อ 13 คน เคยเป็นหน้าห้องของอดีตรัฐมนตรี แต่ถูกส่งไปอยู่ในกลุ่มงานบริหารความเสี่ยงและกำกับการลงทุน แต่ต่อมาก็กลับมีชื่ออยู่ในอนุกรรมการที่ปรึกษาการลงทุนนอกตลาด ร่วมกับอดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีอีกคน ซึ่งมาจากบอร์ดใหญ่ประกันสังคม ทั้งที่ควรเป็นฝ่ายถ่วงดุลตรวจสอบ
นอกจากคำถามเรื่องความเหมาะสมการแต่งตั้งบุคคลที่เข้าไปพิจารณาการลงทุนนอกตลาด นายสหัสวัต คุ้มคง สส.พรรคประชาชน ตั้งคำถามว่า ถึงความรู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน และด้านอสังหาริมทรัพย์
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน ชี้แจงว่า ขณะนี้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ตามที่นายอนุทิน ชาญวีระกูล รองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลกระทรวงแรงงาน มีคำสั่งจะเริ่มประชุมและเรียกสอบนายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน ที่เคยดำรงตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม ในช่วงที่มีการจัดซื้อตึก SKYY9 รวมทั้งตรวจสอบ คณะกรรมการและเจ้าหน้าที่ทั้งหมดที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ภายในสัปดาห์หน้า
นายพิพัฒน์ ระบุว่า การลงทุนนอกตลาดของสำนักงานประกันสังคม มีเป้าหมายเพื่อให้ได้ผลตอบแทนการลงทุนไม่น้อยกว่า 5% เน้นย้ำว่าทุกการลงทุนมีความเสี่ยงแต่หากเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่เสี่ยงต่ำ เช่น พันธบัตร หรือ ฝากเงินธนาคาร ก็ประเมินแล้วว่าจะได้ผลตอบแทนไม่ถึง 1 % ส่วนการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ปัจจุบันก็ไม่มีความมั่นคง
การลงทุนนอกตลาด
การลงทุนนอกตลาด เป็นแนวคิดการลงทุนที่หลายประเทศหันกลับมาลงทุนสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงนอกตลาดหลักทรัพย์ เพราะได้ผลตอบแทนดีกว่าและเลือการลงทุนไปที่อสังหาริมทรัพย์ แต่จำเป็นต้องเลือกพื้นที่ที่มีแนวโน้มการเติบโตของมูลค่าทรัพย์สิน หากเป็นในไทยก็จะต้องเป็น กทม. หรือ ภูเก็ตเท่านั้น และประเด็นสำคัญคือ ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญในการลงทุนระดับตลาดโลกมาประเมินว่า ควรลงทุนในกิจการไหนและเป็นสัดส่วนเท่าไรเพื่อให้ได้ผลตอบแทนสูงสุดในระยะเวลาไม่เกิน 10 ปี
หากเปรียบเทียบแนวทางการลงทุนของ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ที่บริหารสินทรัพย์มูลค่าประมาณ 40,000 ล้านเหรียญสหรัฐ มีการกระจายการลงทุนในต่างประเทศ 60% และในประเทศ 40% โดย นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ระบุว่า การลงทุนของ กบข.มีเป้าหมายสร้างผลตอบแทนสูงกว่าอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ย 10 ปี บวก 2% เพื่อให้สมาชิกมีคุณภาพชีวิตที่ดีหลังเกษียณ
และแบ่งประเภทสินทรัพย์จาก "สินทรัพย์ปลอดภัย" และ "สินทรัพย์เสี่ยง" ซึ่งครอบคลุมสินทรัพย์ทางเลือก เช่น อสังหาริมทรัพย์ ซึ่งการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์จะต้องผ่านบอร์ดทุกกรณี
เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ เห็นว่า หัวใจสำคัญในการลงทุน คือ ความเป็นมืออาชีพ การบริหารจัดการการประเมินมูลค่าสินทรัพย์และการบันทึกสินทรัพย์ให้ถูกต้อง
ขณะที่ น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.พรรคประชาชน โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ตนเองไม่ได้ติดใจประเด็นการลงทุนนอกตลาด แต่มีความจำเป็นอย่างไรในการเลือกลงทุนผ่านกองทุนที่สำนักงานประกันสังคมถือหน่วยลงทุนเองถึง 99.7% หรือเพราะต้องการหลบเลี่ยงไม่ให้กรรมการและผู้ประกันตนทราบ พร้อมระบุว่า วันนี้จะให้กรรมาธิการติดตามงบประมาณขอเอกสารเกี่ยวกับบริษัทประเมินราคาทรัพย์สินที่ ก.ล.ต.รับรองตามที่ นางมารศรี ใจรังษี เลขาธิสำนักงานประกันสังคมอ้างถึง
อ่านข่าว : "วันนอร์" บรรจุญัตติด่วน ประชุมรัฐสภา 17 มี.ค.นี้ ขอมติส่ง ศร. ตีความแก้ ม.256