วันนี้ (27 ม.ค.2565) ความคืบหน้ากรณีการเก็บกู้คราบน้ำมันที่รั่วลงทะเลใกล้นิคมมาบตาพุด จ.ระยองล่าสุด เมื่อเวลา 17.00 น. เจ้าหน้าที่จำนวนนับร้อยคน ช่วยกันวางทุ่นหรือบูม เป็นแนวป้องกันคราบน้ำมัน ในเขตท่าเรือไออาร์พีซี ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากแนวคาดการณ์เดิมว่าอาจจะเป็นพื้นที่ได้รับผลกระทบจากคราบน้ำมัน คือชายหาดแม่รำพึง และหมู่เกาะเสม็ด ทั้งนี้มีรายงานว่า คราบน้ำมันที่เล็ดรอดมาจากทะเลอยู่ห่างจากฝั่งประมาณ 4 กิโลเมตร และมีการตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์อยู่ที่จุดนี้แล้ว
ขณะที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กคนหนึ่ง รายงานว่าพบคราบน้ำมันอยู่ห่างจากหาดแม่รำพึง 4.8 กิโลเมตร พร้อมระบุว่า การเปิดเผยข้อมูลเป็นเรื่องที่ดี เพื่อจะได้เตรียมตัวเฝ้าระวัง และขออย่าตื่นตระหนก
นายสนธิ คชวัฒน์ นักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อม โพสต์เฟซบุ๊กกังวลการใช้สารเคมีในการกำจัดคราบน้ำมัน เมื่อสารเคมีทำปฏิกิริยากับน้ำมัน จะแตกตัวเป็นตะกอนขนาดเล็กลงสู่ท้องทะเล วิธีนี้จะปลอดภัยเมื่อใช้กับทะเลที่มีความลึก 1,000 เมตรขึ้นไป
แต่กรณีนี้ห่างจากฝั่งไม่มาก อาจกระทบต่อระบบนิเวศ ทั้งนี้คาดว่าใน 2 สัปดาห์ จะประเมินได้ว่ากระทบกับห่วงโซ่อาหารหรือไม่ เพราะจะเริ่มพบสัตว์น้ำตาย
กรมควบคุมโรค เตือนระวังสารไฮโดรคาร์บอน
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีปัญหาน้ำมันรั่วที่จ.ระยองว่า ประชาชนในพื้นที่อาจได้รับผลกระทบจากสารเคมีกลุ่มไฮโดรคาร์บอน ที่มีผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ และระบบประสาทส่วนกลาง เมื่อสูดดมเข้าไป หรือสัมผัสทางผิวหนัง ส่งผลให้เกิดอาการระคายเคืองดวงตา ผิวหนัง แสบจมูก แสบคอ คลื่นไส้อาเจียน ปวดศรีษะ
แต่หากสูดดมสารไฮโดรคาร์บอนในปริมาณมาก อาจทำให้หมดสติ ส่งผลกระทบระยะยาว อาจก่อให้เกิดโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวได้ แต่ขณะนี้ยังไม่มีรายงานผู้ที่ได้รับผลกระทบทางสุขภาพ
แนะเลี่ยงกินปลา-สัตว์ทะเลตายที่ซัดขึ้นหาด
สำหรับข้อปฏิบัติกรณีน้ำมันรั่วไหลทางทางทะเลมีดังนี้ หากมีการสัมผัสที่ผิวหนังหรือตา ให้รีบล้างออกด้วยน้ำสะอาด และหากมีการกลืนกินให้รีบดื่มน้ำตามในปริมาณมากๆ และรีบไปพบแพทย์
ควรเฝ้าระวังและสังเกตอาการตนเอง และบุคคลรอบข้าง หากมีอาการข้างต้น หรือมีอาการผิดปกติ ควรรีบปรึกษาแพทย์ นอกจากนี้ไม่ควรกินอาหารหรือน้ำดื่มที่ปนเปื้อนคราบน้ำมัน และห้ามนำปลาทะเลหรือสัตว์ทะเลที่ตายและถูกคลื่นซัดขึ้นมาที่ชายหาดมาบริโภค
นอกจากนี้กรมควบคุมโรค ได้ติดตามเฝ้าระวังสุขภาพทั้งกลุ่มเจ้าหน้าที่ คนทำงาน และประชาชนอย่างใกล้ชิด เตรียมความพร้อมลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบ และแนะนำให้ผู้ที่อยู่ในพื้นที่ระวังผล กระทบทางสุขภาพโดยการติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง
กองทัพเรือ ส่งเฮลิคอปเตอร์ฉีดสารเคมีขจัดคราบน้ำมัน
วันเดียวกัน กองทัพเรือโดยฝูงบิน 2 หน่วยบินเรือหลวงจักรีนฤเบศร กองเรือบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ ได้ส่งเฮลิคอปเตอร์ปราบเรือดำน้ำ (S-70B) พร้อมติดตั้งชุดโปรยสารเคมี โดยมี ร.อ.จักรเพชร พิศปั้น นักบินที่ 1 และร.อ.พลัฏฐ์ ดิถดนัยธิวัฒน์ นักบินที่ 2 ขึ้นสู่ภาคพื้นอากาศ ทำการโปรยสารเคมีขจัดคราบน้ำมันในทะเลพื้นที่อ่าวมาบตาพุด จ.ระยอง
สืบเนื่องเมื่อวันที่ 26 ม.ค.65 ได้เกิดเหตุท่อส่งน้ำมันดิบใต้ทะเล บริษัท สตาร์ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) บริเวณทุ่นรับน้ำมันดิบกลางทะเล เกิดการรั่วไหลประมาณ 20,000 ลิตร ห่างชายฝั่งนิคมมาบตาพุดออกไปราว 5 ไมล์ทะเล ส่งผลให้น้ำมันดิบแผ่กระจายตัวเป็นวงกว้าง
เบื้องต้น กองทัพเรือโดยทัพเรือภาคที่ 1 และกองการบินทหารเรือ ส่งเรือตรวจการณ์ และอากาศยาน ทำการฉีดสารเคมีกำจัดคราบน้ำมัน ทั้งทางภาคพื้นทะเลและภาคพื้นอากาศ โดยบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ให้โดยเร็วที่สุด
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
คาด 7 วันกู้คราบน้ำมันจบ งดเล่นน้ำทะเล แจ้งเอาผิดเอกชน
ปรับแผนใช้ทุ่นล้อม "น้ำมันรั่ว" สกัดเข้าหาดแม่รำพึง-เกาะเสม็ด 28 ม.ค.นี้