วันนี้ 3 ก.พ. 2565 น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กำชับให้ทุกหน่วยงานกำหนดแผนงานและจัดสรรงบประมาณให้สอดคล้องกับเพศภาวะ เหมาะสมตามความจำเป็นและความต้องการที่แตกต่างกันของประชากรที่มีความแตกต่างของเพศ วัย และสภาพของบุคคล โดยยึดหลักการสำคัญที่มุ่งเน้นการวิเคราะห์ความต้องการ และการเข้าถึงทรัพยากรที่แตกต่างกันของหญิงและชาย
ในงานการสร้างเสริมสุขภาพ ปีงบประมาณ 2565 รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณให้แก่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เพื่อบริหารจัดการสิทธิประโยชน์ให้กับประชาชนคนไทยทุกสิทธิหลักประกันสุขภาพ โดยเพิ่มเติมสิทธิประโยชน์ให้เหมาะกับความจำเป็นของแต่ละช่วงวัย และกลุ่มประชากรหญิงซึ่งต้องการได้รับการดูแลที่แตกต่างจากผู้ชาย งบประมาณที่ใช้กว่า 19,000 ล้านบาท ทั้งนี้ จะเป็นการช่วยลดปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพ ลดอัตราการป่วย-เสียชีวิต และประหยัดงบประมาณในการรักษาพยาบาลในระยะยาวได้
สิทธิประโยชน์ "ตามช่วงวัย" มีดังนี้
1. สิทธิประโยชน์ในกลุ่มหญิงตั้งครรภ์และหลังคลอด สามารถขอรับคำปรึกษาการเตรียมความพร้อมที่จะมีบุตรได้ที่หน่วยบริการประจำที่ลงทะเบียนไว้ จากเดิมการดูแลการตั้งครรภ์ในสิทธิประโยชน์ของบัตรทองกำหนดไว้อย่างน้อย 5 ครั้ง ในปีนี้มีการขยายไปเป็น 8 ครั้ง หากมีความจำเป็นหน่วยบริการจะให้การดูแลมากกว่า 8 ครั้งได้
2. กลุ่มเด็กเล็กอายุ 0-5 ปี เมื่อทารกคลอดออกมาก็ได้รับการเจาะเลือดที่ส้นเท้า เพื่อส่งตรวจภาวะพร่องไทรอยด์ฮอร์โมนและโรคฟินิลคีโตนูเรีย และในปีนี้จะมีการขยายสิทธิประโยชน์ใหม่สำหรับการตรวจคัดกรองโรคทางพันธุกรรมเมตาบอลิก 40 โรคด้วยเครื่อง Tandem mass spectrometry
3. กลุ่มเด็กโตและวัยรุ่นอายุ 6-24 ปี สำหรับผู้หญิงเมื่อเริ่มมีประจำเดือน มีสิทธิประโยชน์ตรวจเลือดเพื่อคัดกรองภาวะโลหิตจางที่อาจจะเกิดขึ้นได้ แม้ไม่มีภาวะซีด ก็มีสิทธิประโยชน์ยาเสริมธาตุเหล็ก และกรดโฟลิกให้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์สำหรับเยาวชนที่แต่งงานมีครอบครัวและวางแผนจะมีบุตร สำหรับกลุ่มวัยรุ่นหรือที่บรรลุนิติภาวะแต่งงานแล้วแต่ตั้งครรภ์ไม่พร้อม สามารถขอคำปรึกษาได้
4. กลุ่มผู้ใหญ่อายุ 25-59 ปี ในปี 2565 มีสิทธิประโยชน์เพิ่มเติม คือ
- การตรวจคัดกรองการกลายพันธุ์ของยีนโรคมะเร็งเต้านม คือ ยีน BRCA1 BRCA2 ในคนที่เป็นมะเร็งเต้านม และติดตามญาติสายตรงที่เป็นกลุ่มเสี่ยงมารับการตรวจคัดกรองและให้การดูแลต่อเนื่อง
- การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยวิธี HPV DNA Test หรือแป็บสเมียร์ (Pap smear)
- การตรวจคัดกรองโรคเสี่ยงมะเร็งและมะเร็งช่องปากในคนอายุ 40 ปีขึ้นไป และการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีหลังการสัมผัสเชื้อ (HIV PEP) ซึ่งกรณีหลังนี้ให้ในทุกกลุ่มวัยไม่ใช่เฉพาะวัยผู้ใหญ่หรือผู้สูงอายุ
5. กลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป สิทธิประโยชน์จะมีความคล้ายคลึงกับกลุ่มวัยผู้ใหญ่ ซึ่งจะมีการตรวจคัดกรองความดัน-เบาหวาน-มะเร็งลำไส้ใหญ่สำหรับผู้ที่มีอายุ 60-70 ปี เป็นต้น
สปสช.ให้บริการ "ยาเม็ดคุมกำเนิด-ถุงยางอนามัย"
น.ส.รัชดา กล่าวว่า สปสช.ยังมีแนวทางการให้บริการยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดรับประทานและถุงยางอนามัย ซึ่งจะทำให้ป้องกันการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่น ตามสิทธิประโยชน์ด้านการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค
ในปีนี้ สปสช. เพิ่มจุดให้บริการเพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนเข้าถึงบริการมากขึ้น คือ หน่วยบริการในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ได้แก่ คลินิกการพยาบาลฯ ร้านขายยา โรงพยาบาลเอกชน คลินิกเวชกรรม และหน่วยบริการปฐมภูมิ กว่า 2,500 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดรับประทาน จะให้บริการสำหรับหญิงไทยทุกสิทธิการรักษาพยาบาล อายุระหว่าง 15-59 ปี ขอรับผ่านแอป "เป๋าตัง" หรือใช้บัตรประชาชนไปรับที่หน่วยบริการข้างต้นได้ เริ่มให้บริการแล้วตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. 2565 เป็นต้นไป
ส่วนถุงยางอนามัย จะให้บริการแก่คนไทยทุกสิทธิการรักษาพยาบาลอายุ 15 ปีขึ้นไป รับบริการได้ครั้งละ 10 ชิ้น/สัปดาห์ รอบการจ่าย 7 วัน รับได้ 1 ครั้ง ไม่จำกัดจำนวนถุงยาง/คน/ปี โดยใช้สมาร์ทโฟนแอดไลน์ สปสช. แล้วสแกน QR code ณ หน่วยบริการที่เข้าร่วมโครงการแจกถุงยางอนามัย เพื่อรับถุงยางอนามัยตามไซส์ มีให้เลือก 4 ไซส์ คือ 49 มม. 52 มม. 54 มม. และ 56 มม. ถุงยางอนามัยจะเริ่มให้บริการในช่วงเดือน เม.ย. 65 เป็นต้นไป