ศบค.เปิดแผนเผชิญเหตุ พบ นร.ติดโควิดในโรงเรียนต้องทำอย่างไร ?

วันนี้ (3 ก.พ.2565) พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) เปิดเผยว่า ในที่ประชุม ศบค.ชุดเล็ก ได้หารือเกี่ยวกับคลัสเตอร์ที่เกิดในโรงเรียนแม้ว่าจะเกิดขึ้นในหลายจังหวัด แต่มักจะเกิดเป็นคลัสเตอร์เล็ก ๆ ทั้งศรีสะเกษ 9 คน สุพรรณบุรี 9 คน สระแก้ว 7 คน และชลบุรี 5 คน ส่วนใหญ่ติดเชื้อแต่ละโรงเรียนไม่เกิน 10 คน ติดเชื้อในชั้นเดียวกัน และครูติดเชื้อไม่เกิน 2 คน ส่วนนี้ต้องเน้นการควบคุมเป็นระดับชั้น

ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขหารือกับกระทรวงศึกษาธิการแนะนำแผนเผชิญเหตุ หากมีการติดเชื้อในโรงเรียนเพียง 1 ห้องเรียน โดยมีนักเรียนติดเชื้อ 1-2 ห้อง ให้ปิดเฉพาะห้องเรียนนั้น 3 วัน งดกิจกรรมรวมกลุ่มโดยเด็ดขาด ผู้ติดเชื้อเข้ารักษา ผู้เสี่ยงสูงงดเรียน On-Site ให้เรียนออนไลน์ หากเสี่ยงต่ำยังมาเรียนที่โรงเรียนได้

หากติดเชื้อมากกว่า 2 คน หรือติดเชื้อมากกว่า 1 ห้องเรียน จากการทำกิจกรรมระหว่างชั้น ระหว่างห้องเรียน หรือครู 1 คน สอนมากกว่า 1 ห้องเรียน ทางโรงเรียนจะพิจารณาปิดการเรียนการสอนทั้งโรงเรียนขอให้หารือกับคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดก่อนเสมอ เพื่อให้ความสำคัญกับการศึกษาของนักเรียน 

ฉีดวัคซีนเด็ก 5-11 ปี เริ่มเด็กมีโรคประจำตัวก่อน

พญ.อภิสมัย ยังได้เปิดเผยแนวทางการให้วัคซีน COVID-19 เข็มที่ 1 และ 2 โดยระบุว่า ในเดือน ก.พ. กระทรวงสาธารณสุขจะเริ่มระดมฉีดวัคซีนไฟเซอร์ฝาสีส้ม ให้เด็กอายุ 5-11 ปี โดยจะเริ่มฉีดเด็กที่มีโรคประจำตัวก่อน โดยให้ฉีดที่โรงพยาบาล เพื่อให้หมอที่ดูแลหรือหมอประจำตัวได้ทบทวนและตัดสินใจร่วมกับพ่อแม่ ผู้ปกครองด้วย

ส่วนเด็กที่ไม่มีโรคประจำตัวจะกำหนดให้มีการฉีดในโรงเรียน เบื้องต้นจะจัดสรรให้ชั้น ป.6 ที่อายุต่ำกว่า 12 ปีก่อน จากนั้นจะฉีดไล่ลงไปจนถึงชั้น ป.1 เพื่อฉีดวัคซีนให้ครบถ้วน

 

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

26 ม.ค. "ไฟเซอร์" เด็กล็อตแรกถึงไทย เริ่มฉีด 31 ม.ค.

ศบค.ห่วงคลัสเตอร์ "สถานศึกษา" ติดโควิดแล้ว 11 จังหวัด