วันนี้ (4 ก.พ.2565) นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯกรุงเทพฯ ให้สัมภาษณ์รายการ "มุมการเมือง"ทาง ไทยพีบีเอส ถึงกรณีการถูกตรวจสอบกรณีที่กรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร เดินหน้าตรวจสอบ เพราะมีเหตุอันควรสงสัยว่าทุจริตต่อหน้าที่และร่ำรวยผิดปกติสมัยดำรงตำแหน่งอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ซึ่งกรณีนี้ที่ทรัพย์สินเพิ่มขึ้นกว่า 300ล้านบาท โดยระบุว่า
การตัดสินใจเข้ามาในเส้นทางนี้ต้องพร้อมที่จะได้รับการตรวจสอบได้ทุกเวลา ขณะนี้ยังไม่ได้รับการประสานจาก กมธ.แต่อย่างใด ทราบจากทางสื่อออนไลน์ แต่ไม่ได้กังวล เพราะในฐานะที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐได้ยื่นบัญชีทรัพย์สินมาอย่างต่อเนื่อง และพยายามให้ข้อมูลอย่างละเอียดที่สุด
นอกจากนี้ นายสุชัชวีร์ ยังระบุว่า ช่วงที่แต่งงานทรัพย์สินของตนเองเป็นส่วนน้อย ทรัพย์สินภรรยาเป็นส่วนมาก โดยก่อนหน้านั้นเป็นโสด เมื่อแต่งงาน กฎหมายก็ระบุว่า ภรรยาที่จดทะเบียนสมรสต้องแสดงบัญชีทรัพย์สินร่วมกัน และรายได้ก็ได้มาอย่างถูกต้องตามกฎหมายและเสียภาษีให้กรมสรรพกร
แม้ว่าหลายคนจะพูดว่าเป็นเรื่องการเมือง แต่ผมเองโดยส่วนตัวก็ยังเชื่อว่า ไม่ได้เป็นเรื่องการเมือง เมื่อเขามีอำนาจตรวจสอบก็ทำหน้าที่ตรวจสอบ ส่วนผมมีหน้าที่ที่จะแสดงเรื่องของการพร้อมให้ตรวจสอบก็เป็ฯเรื่องที่ผมจะต้องพร้อมตลอดเวลา
นายสุชัชวีร์ ยังระบุว่า มีเพื่อน ๆ หลายคนแสดงความเป็นห่วงและมองว่าเป็นประเด็นทางการเมือง แต่ส่วนตัวไม่เชื่อว่าเป็นอย่างนั้น โดยเชื่อในระบบการตรวจสอบ ที่สำคัญเชื่อมั่นในระบบยุติธรรม และชื่อว่าไม่ได้ทำอะไรผิด และสมัยที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดีสถานบันเทคโนโลยีเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) สำนักง่านคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช.) ก็ได้ตรวจสอบ ซึ่งเป็นการตรวจสอบทุกมหาวิทยาลัย และในช่วง 2 ปีหลัง สจล.ได้คะแนนความโปร่งใสที่ดีมาก และตนเองก็พร้อมทุกอย่างที่จะให้ตรวจสอบ
ชีวิตก่อนหน้านี้เดือนที่แล้ว ผมก็อยู่ดี ๆ ของผม แต่ออกมาก็เจอในหลาย ๆ เรื่องเข้ามา ผมจะบอกว่ามันเป็นข้อพิสูจน์ว่า ผมออกมาตรงนี้ไม่ใช่เพื่อตัวเอง เพราะถ้าเกิดผมคิดเฉพาะเรื่องของตัวเอง ผมอยู่ในสิ่งที่ผมมีความสุข มีเกียรติยศ มีครอบครัวที่มีความสุข
แต่วันนี้ที่ออกมา ผมต้องทนให้ได้เพราะไมได้ทำเพื่อตัวเองแล้ว ผมจะเปลี่ยนกรุงเทพฯ ทำเพื่อลูกหลาน และเป็นตัวอย่างให้รุ่นน้องในอนาคต ถ้าเกิดผมไม่ทน ไม่สู้ หากคนรุ่นใหม่ ๆ ที่มีความเก่งกาจมากกว่าผม และเป็นคนดีเขาก็จะไม่กล้าออกมา ผมจะต้องพิสูจน์ว่า ผมอยู่ตรงนี้ได้ ผมทนได้
นายสุชัชวีร์ยังตอบคำถามว่า กรณีดังกล่าวถือว่าเป็นการรับน้องทางการเมืองหรือไม่ โดยระบุว่า เพิ่งเดือนเดียวยังไม่คิดอะไรมาก อันดับแรก ก็ต้องเตรียมตัวเตรียมใจมาแล้ว และอย่างที่ย้ำคือ มีความตั้งใจที่จะเป็นผู้ว่ฯ กทม.มากว่า 30 ปีแล้ว และเห็นว่าวันนี้ตนเองยังมีสุขภาพที่แข็งแรง เป็นคนหนุ่ม มีพลัง มีความรู้ และที่สำคัญ มีความกล้าหาญที่จะเปลี่ยนแปลง ก็เป็นข้อพิสูจน์ว่า เราจะต้องผ่านไปให้ได้ มิฉะนั้นแล้วหากแค่นี้ผ่านไปไม่ได้ ก็ไม่สามารถเป็นผู้ว่าฯกทม.ได้ ผู้ว่าฯกทม.ต้องทำทุกเรื่อง เป็นผู้ประสานสิบทิศ ต้องใช้ศิลปะทุกรูปแบบในการดูแลประชาชน
ขณะที่กรณีการแชร์ภาพบ้านหรูของนายสุชัชวีร์ ทางสื่อสังคมออนไลน์หลังจากที่ให้เปิดบ้านให้รายการบ้านและสวนถ่ายทำ โดยระบุว่า กรณีบ้านของตนเอง รายการบ้านและสวนติดต่อไปยังสถาปนิกจากนั้นจึงมาถ่ายทำ และตนเองใช้ชีวิตอย่างเปิดเผย โปร่งใส เมื่อหนังสือกับสถาปนิกให้เกียรติมาถ่ายทำ ก็คิดว่าไม่ผิดอะไร ไม่ใช่ว่ามันแพง มันหรู แต่มันแปลก เพราะตนเองเป็นวิศวกร หลายอย่างไม่เคยเกิดขึ้นในเมืองไทย ซึ่งเป็นการคำนวณ การออกแบบ ขนาดไม่ได้ใหญ่ หรือหรูหรา ตนเองเป็นช่างเอง รู้ว่าจะเลือกอะไรให้ราคาถูก พื้นก็ราคาถูก วอลเปเปอร์ ไม่มี ทาสีเอา แต่ที่น่าสนใจคือมันแปลก ความท้าทาย ความมหัศจรรย์ ในการคำนวณ มันไม่มีเสา หรือคานยื่นออกไปข้างหน้าบ้านหลังนี้โดดเด่นตรงนี้ ไม่ได้อยู่ที่ความหรูหรา ที่สำคัญ มันเป็นข้อพิสูจน์ว่า นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ใช้ชีวิตอย่างโปร่งใส