วันนี้ (14 ก.พ.2565) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สถานการณ์การติดเชื้อโรคโควิด-19 ในกลุ่มเด็กมีสัดส่วนที่สูงขึ้น จึงควรเร่งรัดการฉีดวัคซีนในกลุ่มเป้าหมายเด็ก
ส่วนแผนการบริหารจัดการวัคซีนที่จะฉีดให้กลุ่มเด็กอายุ 5-17 ปี มี 5 สูตร โดยทุกสูตรได้พิจารณาจากคำแนะนำของอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ร่วมกับราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูงสุดโดยวัคซีนทั้ง 5 สูตรในเด็กอายุ 5-17 ปี ผ่านการพิจารณาโดยผู้เชี่ยวชาญแล้วว่ามีประสิทธิภาพสูง ทุกสูตรมีความปลอดภัย ได้แก่
สูตรที่ 1 สำหรับอายุ 5-11 ปี ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ (ฝาสีส้ม) 2 เข็ม ระยะห่างระหว่างเข็ม 8 สัปดาห์
สูตรที่ 2 สำหรับเด็กอายุ 6-11 ปี สามารถฉีดวัคซีนสูตรไขว้ซิโนแวค-ไฟเซอร์ (ฝาสีส้ม) ระยะห่าง 4 สัปดาห์ ตามคำแนะนำของราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย
สูตรที่ 3 สำหรับเด็กอายุ 12-17 ปี แนะนำให้ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ (ฝาสีม่วง) 2 เข็ม ระยะห่าง 3-4 สัปดาห์
สูตรที่ 4 สำหรับเด็กอายุ 12-17 ปี สามารถฉีดวัคซีนสูตรไขว้ซิโนแวค-ไฟเซอร์ (ฝาสีม่วง) ระยะห่าง 4 สัปดาห์ ตามคำแนะนำของราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย และผลศึกษารองรับแล้วว่าระดับภูมิคุ้มกันจากการฉีดวัคซีนสูตรไขว้นี้ จะกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้สูงกว่าการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ (ฝาสีม่วง) 2 เข็ม
สูตรที่ 5 วัคซีนซิโนแวค 2 เข็ม สำหรับเด็กอายุ 6-17 ปี ระยะห่าง 4 สัปดาห์ ซึ่งเป็นคำแนะนำของ อย. เป็นอีกทางเลือกสำหรับผู้ปกครองที่กังวลเรื่องผลข้างเคียง จากการฉีดวัคซีน mRNA และเด็กที่แพ้การฉีดวัคซีน mRNA แต่ภูมิคุ้มกันอาจไม่สูงพอในการป้องกันเชื้อโอมิครอน จำเป็นต้องกระตุ้นด้วยวัคซีนไฟเซอร์อีก 1 เข็ม มีระยะห่างอย่างน้อย 4 สัปดาห์ขึ้นไป หลังฉีดเข็มที่ 2
ทั้งนี้ การฉีดวัคซีนในเด็กให้เป็นไปตามความสมัครใจ หรือตามประสงค์ของผู้ปกครองและผู้รับวัคซีน
อ่านข่าวอื่นๆ
ศบค.จับตา "คลัสเตอร์แคมป์ก่อสร้างดอนเมือง" ติดโควิดสะสม 228 คน
สปสช.ย้ำยังรักษา "โควิด" ฟรี แม้ถอดออกจากโรคฉุกเฉิน
เช็กความพร้อมเตียง กทม.หลังผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่มต่อเนื่อง