วันนี้ (16 ก.พ.2565) นายอนุกูล ปีดแก้ว อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) นางภรณี ภู่ประเสริฐ ผอ.สำนักสนับสนุนสุขภาวะประชากรกลุ่มเฉพาะ (สำนัก 9) สสส. รศ. ดร.นวลน้อย ตรีรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พร้อมด้วยเครือข่ายคนไร้บ้าน มูลนิธิพัฒนาที่อยู่อาศัย สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.) ลงพื้นที่พบปะพี่น้องคนไร้บ้านบริเวณหัวลำโพง พร้อมเปิดตัวความร่วมมือ “นวัตกรรมการจัดบริการที่อยู่อาศัยและความช่วยเหลือฉุกเฉินบนฐานการมีส่วนร่วมของคนไร้บ้าน”

นายอนุกูล เปิดเผยว่า กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ร่วมกับภาคีเครือข่าย และพี่น้อง คนไร้บ้าน ประชาคมเพื่อทางออกร่วมกัน โดยได้กำหนดกรอบการพักอาศัย และรูปแบบการ “แชร์” ค่าเช่าที่อยู่อาศัย ทั้งยังได้สนับสนุนให้บุคลากร นักสังคมสงเคราะห์ในสังกัด ร่วมเป็น Case Manager เพื่อวางแผนให้ความช่วยเหลือต่อเนื่องในระยะยาว ต่อไป
ด้าน นางภรณี ระบุว่า การทำงานของ สสส.ร่วมกับทางนักวิชาการจากแผนงานพัฒนาองค์ความรู้ฯ คนไร้บ้านของสถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้คาดการณ์ว่าจำนวนคนไร้บ้านในกรุงเทพมหานครมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นร้อยละ 30 จากสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 ที่ส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจและปากท้องของกลุ่มเปราะบางในเขตเมือง ซึ่งข้อมูลดังกล่าวมีความใกล้เคียงกับการสำรวจแบบเร่งด่วน (rapid survey) ของกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการที่พบคนไร้บ้านเพิ่มขึ้นจากช่วงก่อน COVID-19 ในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน

สสส.จึงร่วมหารือกับทางกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มูลนิธิพัฒนาที่อยู่อาศัย และภาคีเครือข่าย ในการพัฒนานวัตกรรมเพื่อสนับสนุนการตั้งหลักของคนไร้บ้านหรือกลุ่มเปราะบางที่เพิ่งเข้าสู่ภาวะไร้บ้าน เพื่อป้องกันความเสี่ยงทางสุขภาพและจิตจากการใช้ชีวิตบนพื้นฐานสาธารณะเป็นเวลานาน
ทั้งนี้ นวัตกรรมการจัดบริการที่อยู่อาศัยและความช่วยเหลือฉุกเฉินบนฐานการมีส่วนร่วมของคนไร้บ้าน มีจุดเน้นสำคัญในการปรับวิธีการจัดการด้านที่อยู่อาศัยสำหรับคนไร้บ้าน ผ่านกระบวนการที่เน้นการมีส่วนร่วมของคนไร้บ้านในการ “แชร์” ค่าเช่าที่อยู่อาศัย ร่วมกับกองทุนที่เครือข่ายคนไร้บ้านและมูลนิธิพัฒนาที่อยู่อาศัยได้จัดตั้งขึ้น รวมถึงการสนับสนุนด้านอาชีพและการหารายได้จากการทำงานของกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ร่วมกับทาง สสส.

ขณะที่ นายสมพร หารพรม มูลนิธิพัฒนาที่อยู่อาศัย ระบุว่า นวัตกรรมและความร่วมมือดังกล่าว ถือได้ว่าเป็นการเปิดวิธีการใหม่ในการสนับสนุนดูแลคนไร้บ้านด้านที่อยู่อาศัยและคุณภาพชีวิต ที่ตอบโจทย์ด้านที่อยู่อาศัยที่เหมาะสมสำหรับคนไร้บ้านและกลุ่มเปราะบางที่ส่วนใหญ่ เป็นแรงงานรายวัน และจะต้องอยู่ใกล้กับแหล่งงานในเมือง รวมถึงตอบโจทย์ด้านความแออัดของศูนย์พักคนไร้บ้านของภาครัฐและภาคเอกชน ภายใต้การสนับสนุนด้านอาชีพและการหารายได้บนพื้นฐานศักยภาพของคนไร้บ้าน
