วันนี้ (18 ก.พ.2565) นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค แถลงข่าวประเด็นอาการไม่พึงประสงค์หลังได้รับวัคซีนโควิด-19 ว่า วันนี้ไทยมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 18,066 คน เสียชีวิต 27 คน ข้อมูลการฉีดวัคซีนถึงวันที่ 17 ก.พ. ฉีดวัคซีนโควิด-19 ไปแล้ว 120.9 ล้านโดส เป็นเข็มที่ 1 จำนวน 52.9 ล้านโดส หรือ 76.1% ของประชากร เข็มที่ 2 จำนวน 49.3 ล้านโดส หรือ 71% ของประชากร และเข็มกระตุ้น (เข็มที่ 3 ขึ้นไป) 18.6 ล้านโดส หรือ 26.8% ของประชากร
มีการติดตามอาการไม่พึงประสงค์หลังได้รับวัคซีนเป็นเวลา 30 วัน จากการรวบรวมข้อมูลถึงวันที่ 13 ก.พ.ที่ผ่านมา มีการฉีดวัคซีนทั้งสิ้น 120,009,906 โดส พบมีผู้ที่เกิดอาการไม่พึงประสงค์จากวัคซีนโควิด-19 ทุกชนิด ที่พบบ่อย ได้แก่ อาการไข้ ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดเมื่อยตามตัว ส่วนอาการไม่พึงประสงค์ร้ายแรงที่เกี่ยวข้องกับวัคซีน ได้แก่ อาการแพ้รุนแรง 79 คน, ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจ/เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ 31 คน, ภาวะลิ่มเลือดอุดตันร่วมกับเกล็ดเลือดต่ำ 6 คน
นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า ส่วนกรณีเสียชีวิตภายหลังการได้รับวัคซีน คณะผู้เชี่ยวชาญได้พิจารณาผลแล้ว 1,464 คน จากรายงานทั้งหมด 2,081 คน พบเป็นเหตุการณ์ร่วมที่ไม่เกี่ยวข้องกับวัคซีน แต่เป็นเหตุบังเอิญ 938 คน เช่น เลือดออกในสมอง, ติดเชื้อของระบบประสาทและสมอง, ปอดอักเสบรุนแรง, ลิ่มเลือดอุดตันในปอด และโรคเกี่ยวกับระบบหัวใจและหลอดเลือดหัวใจ คิดเป็น 64%, ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อนำเข้าพิจารณา 250 คน หรือ 17%
ข้อมูลไม่เพียงพอที่จะสรุปได้ว่าเกี่ยวข้องกับวัคซีนหรือไม่ 95 คน หรือ 7% และเกี่ยวข้องกับปฏิกิริยาวัคซีนเพียง 4 คน ในจำนวนนี้ 2 คน เกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันร่วมกับเกล็ดเลือดต่ำ, แพ้รุนแรงร่วมกับภาวะช็อก 1 คน และอีก 1 คนมีอาการ Stevens- Johnson syndrome and Toxic epidermal necrolysis คือมีอาการผื่นแพ้รุนแรง บวมลอกบริเวณผิวหนังและเยื่อบุผิว ซึ่งอาการไม่พึงประสงค์อย่างรุนแรงสามารถเกิดขึ้นได้ แต่พบในอัตราที่ต่ำกับวัคซีนทุกชนิด ที่เหลืออาจเกี่ยวข้องกับวัคซีนแต่ไม่สามารถสรุปได้ชัดเจน 177 คน คิดเป็น 12%
เด็ก 12 เสียชีวิตไม่เกี่ยวข้องกับวัคซีน
นพ.เฉวตสรร กล่าวถึงกรณีเด็กชายอายุ 12 ปีที่เสียชีวิตเมื่อวันที่ 3 ก.พ.2565 หลังฉีดวัคซีนไฟเซอร์เข็มที่ 1 เมื่อวันที่ 25 ม.ค. จากการสอบสวนโรคพบว่า หลังฉีด 30 นาทีไม่มีอาการผิดปกติ เมื่อกลับบ้านมีอาการไข้และปวดเมื่อยตามตัว ปวดขาข้างซ้าย จากนั้นวันที่ 28 ม.ค. มีอาการปวดเข่า เดินไม่ถนัด เข้ารับการรักษาที่คลินิก แต่อาการไม่ดีขึ้น ปวดขาทั้งสองข้างและขาอ่อนแรงมากขึ้น จึงไปรักษาที่โรงพยาบาลเอกชน ตรวจพบมีไข้สูง ขามีรอยจ้ำเขียว ยกไม่ขึ้น ไม่พบรอยบวมแดงบริเวณที่ฉีดวัคซีน
แพทย์สงสัยภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด จึงส่งต่อโรงพยาบาลกระบี่ ได้รับยาปฏิชีวนะและสารน้ำทางเส้นเลือด อาการไม่ดีขึ้นและเสียชีวิตในเวลาต่อมา จากผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการพบเม็ดเลือดขาวสูง การเพาะเชื้อจากเลือดพบเชื้อแบคทีเรีย Staphylococcus aureus
ผลการพิจารณาโดยคณะผู้เชี่ยวชาญร่วมกับแพทย์ที่ดูแล สรุปว่า ผู้ป่วยเสียชีวิตจากภาวะเข่าอักเสบจากการติดเชื้อ ร่วมกับติดเชื้อในกระแสเลือด (Septic arthritis, septic shock) โดยไม่พบลักษณะของการติดเชื้อบริเวณที่ฉีดวัคซีน และเมื่อพิจารณาประวัติ ร่วมกับข้อมูลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ สรุปว่า ไม่เกี่ยวข้องกับวัคซีน แต่เป็นเหตุการณ์ร่วมที่บังเอิญเกิดในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน
ทั้งนี้ การตรวจสอบอาการไม่พึงประสงค์หลังได้รับวัคซีน เป็นระบบที่กระทรวงสาธารณสุขได้เก็บรวบรวมและนำข้อมูลมาเพื่อตรวจสอบหาแนวทางเฝ้าระวัง หรือเปลี่ยนการปฏิบัติ
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าวัคซีนโควิด-19 ที่ประเทศไทยนำมาฉีดให้กับประชาชนมีความปลอดภัย ช่วยลดความเสี่ยงจากการเสียชีวิต หรือป่วยหนักจากโรคได้ จึงขอให้ประชาชนที่เข้าเกณฑ์การฉีดวัคซีนไปรับการฉีดวัคซีนให้มากที่สุด