วันนี้ (22 ก.พ.2565) สถานการณ์รัสเซียและยูเครน ทำให้หุ้นไทยวันนี้เปิดตลาดร่วงประมาณ 13 จุดจากวันก่อนหน้า และปรับลงแตะถึงระดับ 1,674 จุด หรือร่วงร้อยละ 1.2 ซึ่งเป็นภาพเดียวกันกับตลาดหุ้นในเอเชียส่วนมากที่ปรับลงร้อยละ 1-3 ก่อนจะฟืนตัวมาปิดตลาดที่ 1,691.12 จุด หรือลดลงเพียง 3.20 จุดจากวันก่อนหน้า
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ มองว่า ผลกระทบยังอยู่ในวงจำกัด โดยเฉพาะการส่งออกของไทยไปรัสเซีย มีสัดส่วนเพียงร้อยละ 0.5 และนักท่องเที่ยวร้อยละ 3.7 แต่เหตุการณ์นี้ทำให้เงินไหลเข้าสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ตราสารหนี้ ทองคำ ขณะที่แนวโน้มที่หลายประเทศเตรียมคว่ำบาตรรัสเซีย ซึ่งเป็นผู้ผลิตพลังงานรายใหญ่ของโลก ทำให้ราคาน้ำมันสูงขึ้นด้วย รวมถึงปาล์มและถั่วเหลือง
สำหรับราคาทองคำในตลาดโลกมีแนวโน้มปรับขึ้นได้ต่อ มีผลถึงราคาทองคำในประเทศ ทองคำแท่ง วันนี้ (22 ก.พ.) ขายออกบาทละ 29,150 บาท รับซื้อ 29,150 บาท ปรับราคาถึง 7 ครั้ง สูงกว่าเมื่อวานนี้ (21 ก.พ.) บาทละ 300 บาท
ความตึงเครียดของสถานการณ์ยังมีผลให้ราคาพลังงานทั้งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติพุ่งสูงขึ้นในระยะสั้น โดย น.ส.พรพิมาน ศรีสัตบุษย์ ผู้จัดการแผนกวางแผนการพาณิชย์ตลาดปิโตรเลียม บมจ.ไทยออยล์ ประเมินว่า ราคาน้ำมันดิบ เบรนท์มีโอกาสแตะ 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ในระยะเวลาอันใกล้
ขณะที่นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง กล่าวว่า สถานการณ์นี้สร้างความกังวลต่อการฟื้นตัวเศรษฐกิจทั่วโลก โดยเฉพาะด้านราคาน้ำมันเชื้อเพลิงและเงินเฟ้อ จึงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และติดตามสถานการณ์การผลิตน้ำมันของอิหร่านว่าจะเพียงพอต่อการชะลอผลกระทบได้มากน้อยเพียงใด
ด้านนายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ยอมรับว่า มีความกังวลและไม่มีนักธุรกิจคนใดต้องการให้มีสงคราม ส่วนราคาพลังงานก็ไม่ได้อยู่นิ่ง มีการปรับตัวตลอดเวลา หากมีสงคราม แซงก์ชั่น หรือการโต้ตอบกันขึ้นมา จะกระทบหลายประเทศและส่งผลทางอ้อมมาถึงไทย แต่ยังไม่กระทบไทยมากนักเมื่อเทียบกับคู่ขัดแย้ง
อ่านข่าวอื่นๆ
"รัสเซีย" ขัดแย้งกับ "ยูเครน" เพราะอะไร
"ปูติน" รับรองดินแดนกบฏประกาศเอกราชจากยูเครน