วันนี้ (26 มี.ค.2565) จากกรณีกรมท่าอากาศยาน (ทย.) มีคำสั่งย้ายผู้อำนวยการท่าอากาศยานนราธิวาส รักษาการผู้อำนวยการท่าอากาศยานเบตง โดยมีการสัมภาษณ์ผู้เกี่ยวข้องและพาดพิงกล่าวหาถึงที่มาของคำสั่งในเชิงการกลั่นแกล้งจากฝ่ายการเมืองนั้น
กรมท่าอากาศยาน ชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในคำสั่งดังกล่าว เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดระเบียบท่าอากาศยานเบตงว่าด้วยการควบคุมยานพาหนะในเขตการบิน พ.ศ. 2563 ตามมาตรฐานความปลอดภัยอากาศยาน ซึ่งได้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง 3 ประเด็น คือ
1.การนำยานพาหนะที่ไม่ได้รับอนุญาตเข้าไปในลานจอดอากาศยาน โดยผู้ขับขี่ที่มิใช่ผู้ให้บริการภาคพื้นภายในลานจอดอากาศยานซึ่งผ่านการฝึกอบรมการขับขี่และการควบคุมยานพาหนะภายในลานจอดอากาศยานจากบริษัทผู้ดำเนินการเดินอากาศ หรือบริษัทผู้ให้บริการภาคพื้น เข้าไปรับผู้โดยสารและ/หรือสิ่งของที่มากับอากาศยานภายในลานจอดอากาศยานและอยู่ในระยะใกล้ชิดกับอากาศยานโดยไม่มีเหตุอันควรที่จำเป็นหรือเหตุฉุกเฉิน จึงถือว่ามีความเสี่ยงสูงที่อาจก่อให้เกิดอันตรายกับอากาศยานและ/หรือ ผู้ปฏิบัติงานภาคพื้นภายในบริเวณลานจอดอากาศยานซึ่งตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัยและการรักษาความปลอดภัยภายในลานจอดอากาศยาน
2.การอ้างว่ามีผู้โดยสารที่เจ็บป่วยหรือเดินเท้าด้วยตนเองไม่ได้ จึงนำรถไปรับในเขตพื้นที่การบิน ซึ่งข้อเท็จจริงสามารถประสานขอใช้รถเข็น(Wheel chair) จากผู้ให้บริการภาคพื้นเป็นผู้ดำเนินการ การปฏิบัติหน้าที่ของผู้อำนวยการท่าอากาศยานเบตงโดยมีการละเลยหรือไม่มีการควบคุมการปฎิบัติให้เป็นไปเพื่อความปลอดภัย ซึ่งการที่ผู้พิการหรือผู้สูงอายุไม่สามารถเดินได้ด้วยตัวเองเจ้าของอากาศยานต้องแจ้งให้สนามบินทราบ เพื่อทำการเตรียมรถเข็นที่ผ่านขั้นตอนการตรวจสอบทางด้านการรักษาความปลอดภัยแล้วเท่านั้น
หากไม่มีการร้องขอแล้วพบว่ามีพาหนะหรืออุปกรณ์ใดๆที่นำเข้าไปรับผู้พิการหรือผู้สูงอายุแล้วยังไม่ได้ผ่านการตรวจสอบด้านการรักษาความปลอดภัย สนามบินต้องทำการยับยั้งและหยุดการกระทำของพาหนะหรืออุปกรณ์นั้นๆโดยทันทีเพื่อเข้าขั้นตอนการตรวจสอบหรือขั้นตอนการอนุญาตต่อไป
3.การขนสัมภาระจำนวนมากที่มากับอากาศยานเช่าเหมาลำ ไม่มีการประสานให้ได้รับการตรวจสอบจากท่าอากาศยานเบตงก่อน อนึ่งการขนบุคคลหรือสิ่งของที่มากับอากาศยานจะต้องดำเนินการโดยผู้ที่มีหน้าที่ให้บริการภาคพื้นและได้รับอนุญาตจากสนามบินให้เข้าทำการได้ภายในเขตลานจอดอากาศยานเท่านั้น
ในกรณีสัมภาระที่มากับอากาศยานเช่าเหมาลำแล้วจะนำหรือขนสัมภาระนั้นออกจากสนามบินเจ้าของอากาศยานต้องแสดงหลักฐานรายการสัมภาระพร้อมการรับรองการตรวจสอบด้านการรักษาความปลอดภัยจากสนามบินต้นทางก่อน หากไม่มีการกระทำดังกล่าว สนามบินปลายทางต้องทำการตรวจสอบสัมภาระนั้นตามมาตรการรักษาความปลอดภัยสนามบิน
ทั้งนี้ การกำกับมาตรการดูแลบุคคลและยานพาหนะภายในเขตพื้นที่การบินจึงเป็นเรื่องละเอียดอ่อนในด้านความปลอดภัยและการรักษาความปลอดภัย ซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบของผู้จัดการสนามบินเบตง ซึ่งในกรณีนี้หมายถึงผู้อำนวยการท่าอากาศยานเบตง ที่มีหน้าที่ต้องรับผิดชอบในการควบคุมดูแลมิให้บุคคลหรือยานพาหนะฝ่าฝืนข้อกำหนดด้านความปลอดภัยและการรักษาความปลอดภัย
กรมท่าอากาศยาน ยืนยันว่า การออกคำสั่งดังกล่าวไม่มีเจตนากลั่นแกล้งผู้ใด หากแต่เป็นไปตามระเบียบขั้นตอนของการตรวจสอบอย่างถูกต้องเหมาะสม และท่าอากาศยานเบตงยังคงสามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง และพร้อมให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
กรมท่าอากาศยาน ชี้แจงย้าย "ผอ.สนามบินเบตง" ช่วยราชการกองควบคุมฯ สนามบิน