ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

สธ.ยัน "ยาฟาวิพิราเวียร์" เพียงพอ ทั่วประเทศ 22.87 ล้านเม็ด

สังคม
29 มี.ค. 65
06:36
325
Logo Thai PBS
สธ.ยัน "ยาฟาวิพิราเวียร์" เพียงพอ ทั่วประเทศ 22.87 ล้านเม็ด
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
สธ. แจง "ยาฟาวิพิราเวียร์" มีคงเหลือทั่วประเทศ 22.87 ล้านเม็ด ทุกจังหวัดยังมียาคงเหลือในคลังยา สัปดาห์นี้จะกระจายยาเพิ่มอีก 15 ล้านเม็ด แต่บางพื้นที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นจึงทำให้การบริหารจัดการยาไม่คล่องตัว

เมื่อวันที่ 28 มี.ค.2565 นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีมีข่าว "ยาฟาวิพิราเวียร์" ที่ใช้รักษาผู้ป่วยโควิด-19 ไม่เพียงพอ ว่า ยืนยันขณะนี้ประเทศไทยยังมียาฟาวิพิราเวียร์เพียงพอในการดูแลผู้ป่วยโควิด-19 โดยมอบให้องค์การเภสัชกรรมเป็นผู้จัดหา ตั้งแต่ช่วงเดือน ก.พ.-เม.ย.2565

สัปดาห์นี้จะกระจายยาเพิ่มอีก 15 ล้านเม็ด

องค์การเภสัชกรรมได้ผลิตและจัดหายาฟาวิพิราเวียร์เข้ามารวม 128.1 ล้านเม็ด เฉพาะช่วงวันที่ 1-28 มี.ค.2565 มีการผลิตและจัดหายาแล้ว 73.9 ล้านเม็ด ส่งกระจายยาให้ทุกจังหวัดทั่วประเทศ 72.52 ล้านเม็ด ข้อมูลถึงวันที่ 28 มี.ค. 2565 คงเหลือยาทั่วประเทศ 22.87 ล้านเม็ด โดยพื้นที่ กทม.มียาคงเหลือมากที่สุด 5.12 ล้านเม็ด รองรับผู้ป่วยได้ 1.02 แสนคน ขณะที่จังหวัดอื่นๆ มียาคงเหลือเพียงพอรองรับผู้ป่วยเช่นกัน

ทั้งนี้ ส่วนกลางมีการจัดหายาและกระจายยาให้แก่ทุกจังหวัดอย่างต่อเนื่องทุกสัปดาห์ โดยช่วงวันที่ 29 มี.ค. - 2 เม.ย.2565 จะมียาอีก 15 ล้านเม็ด วันที่ 3-9 เม.ย. อีก 11.6 ล้านเม็ด และวันที่ 10-16 เม.ย. จำนวน 20 ล้านเม็ด

24 จังหวัด ผู้ป่วยต้องใช้ยาเพียง 26%

นพ.ธงชัย กล่าวว่า ทุกจังหวัดได้รับการกระจายยาฟาวิพิราเวียร์สำหรับใช้รักษาผู้ป่วยโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง แต่ช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมาบางพื้นที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น จึงทำให้การบริหารจัดการยาไม่คล่องตัว หากโรงพยาบาลใดพบแนวโน้มว่ายาฟาวิพิราเวียร์จะไม่พอใช้ สามารถแจ้งไปยังสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเพื่อบริหารจัดการยาให้โรงพยาบาลมีใช้อย่างต่อเนื่องได้

สำหรับการใช้ยาจะเป็นไปตามแนวทางการรักษาโรคโควิด-19 ของกรมการแพทย์ ที่กำหนดโดยคณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงหลักการใช้ยาอย่างสมเหตุสมผล หากผู้ป่วยไม่มีอาการหรือไม่มีความเสี่ยงจะไม่จำเป็นต้องได้รับยาต้านไวรัส โดยแพทย์อาจพิจารณาให้ยารักษาตามอาการหรือยาฟ้าทะลายโจร

อย่างไรก็ตาม จากการติดตามการรักษาผู้ป่วยในเขตสุขภาพที่ 4, 5, 6 รวม 24 จังหวัด พบว่ามีผู้ป่วยที่อยู่ในเกณฑ์ต้องได้รับยาฟาวิพิราเวียร์เพียง 26%

นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุขยังจัดหายารักษาอื่นๆ ได้แก่ ยาเรมดิซิเวียร์ ยาโมลนูพิราเวียร์ และยาแพกซ์โลวิด เข้ามาเพิ่มเติม เพื่อให้เป็นทางเลือกสำหรับแพทย์พิจารณาในการรักษาผู้ป่วยให้เหมาะสมกับอาการและปัจจัยเสี่ยงของผู้ป่วยด้วย 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง