วันนี้ (30 เม.ย.2565) ปตท.และบางจาก แจ้งปรับขึ้นราคาน้ำมันกลุ่มดีเซลทุกชนิดขึ้น 2 บาทต่อลิตร ส่วน E85 ปรับขึ้น 1.00 บาทต่อลิตร กลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์ชนิดอื่น คงเดิม มีผลตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (1 พ.ค.2565) เวลา 05.00 น. เป็นต้นไป หลังรัฐบาลยกเลิกมาตรการตรึงราคาน้ำมันดีเซลลิตรละ 30 บาท ทำให้ราคาหน้าปั๊มในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล อยู่ที่ลิตรละ 32 บาท จากนั้นปรับแบบขั้นบันได โดยจะติดตามปรับขึ้นหรือลงตามสถานการณ์แบบค่อยเป็นค่อยไป
น้ำมันดีเซลเกรดพรีเมียม กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง จากที่ปัจจุบันอุดหนุนลิตรละ 10 บาท 89 สตางค์ พรุ่งนี้จะเริ่มทยอยลดอุดหนุนสัปดาห์ละ 2 บาท หมายถึงหากราคาตลาดโลกเป็นเช่นนี้เกรดพรีเมียมจะค่อย ๆ แพงขึ้น ส่วนน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 จะลดการชดเชยลง สัปดาห์ละ 1 บาท จนเหลือการชดเชย 53 สตางค์
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ประชาชนในหลายพื้นที่เริ่มทยอยตุนน้ำมัน อย่างที่ จ.บึงกาฬ ประชาชนทยอยออกเติมน้ำมัน โดยท้ายรถกระบะ จะมีถังหรือแกลลอนขนาด 200 ลิตร มาเติมด้วย เพื่อนำไปขายต่อในหมู่บ้าน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเกษตรกรที่ต้องนำไปเติมรถไถนา เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงเตรียมแปลงเพาะปลูกข้าวนาปี
อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 20 พ.ค.นี้ มาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันลิตรละ 3 บาท ที่ดำเนินการมา 3 เดือน มีแนวโน้มว่าอาจไม่สามารถต่ออายุมาตรการออกไปได้ ทำให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง อาจต้องเข้ามารับภาระแทนทั้งหมด หรือ คนละครึ่ง โดยพิจารณาประกอบสถานการณ์อีกครั้ง ทั้งสงคราม ราคาน้ำมันตลาดโลก ค่าเงินบาทอ่อน
ขณะที่พลังงานประเภทอื่น ก็ปรับขึ้นราคาด้วยเช่นกัน ทั้งก๊าซหุงต้ม ปรับขึ้นอีกกิโลกรัมละ 1 บาท หรือ 15 บาท ต่อถัง 15 กิโลกรัม ราคาถัง 15 กิโลกรัมจะอยู่ที่ 348 บาท ไม่รวมค่าส่ง ค่าบริการ
ส่วนค่าไฟฟ้าจะปรับขึ้นตั้งแต่งวดเดือน พ.ค.นี้ จากต้นทุนเชื้อเพลิงที่แพงขึ้นมาก ทำให้ค่าไฟฟ้าอยู่ที่ประมาณหน่วยละ 4 บาท ปรับเป็นรอบที่ 2 หลังจากไม่ได้ปรับมานาน ส่วนมาตรการช่วยค่าไฟฟ้าสำหรับผู้มีรายได้น้อยขณะนี้ยังไม่ชัดเจน