วันนี้ (4 พ.ค.2565) นายสกลธี ภัททิยกุล ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่ากรุงเทพมหานคร หมายเลข 3 กล่าวระหว่างลงพื้นที่ตลาดนัดชุมชนรถไฟ กม.11 (ตลาดสายหยุด) และตลาดบางเขน เขตจตุจักรว่า วันนี้มาลงพื้นที่เดิมที่เคยเป็น ส.ส. และพื้นที่ตรงจุดชุมชนรถไฟ ซึ่งเป็นจุดที่เคยพูดถึงหลายครั้ง ใน “สกลธีโมเดล” เกี่ยวกับการนำมาปรับเป็นพื้นที่ใช้ประโยชน์อื่น ๆ แต่ติดที่ กทม.ไม่ใช่เจ้าของที่ เช่น บริเวณนี้เป็นของการรถไฟ ที่เงินของ กทม.ไม่สามารถลงมาพัฒนาได้ เพราะจะสามารถใช้กับพื้นที่สาธารณะเท่านั้น
ทั้งนี้ ตนได้พูดมาหลายครั้งว่า หากได้เป็นผู้ว่าฯ กทม.ก็จะต้องเจรจากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาทางพัฒนา ถึงแม้ กทม.จะลงเงินไม่ได้ แต่เป็นหน่วยงานที่ได้รับการร้องเรียนจากประชาชน เพราะเวลามีปัญหา เขาไม่รู้ว่าจะร้องเรียนกับใคร ดังนั้น จะต้องคุยกันให้มากกว่านี้ ซึ่งในอนาคต หากทำได้ก็ควรจะมีการแก้ระเบียบ เพื่อให้ กทม.นำเงินมาพัฒนาพื้นที่ที่ไม่ใช่พื้นที่สาธารณะได้
สำหรับแผนการหาเสียงในช่วงโค้งสุดท้ายนั้น นายสกลธี กล่าวว่า ช่วงนี้มีการดีเบตจำนวนมาก ถ้าได้รับเชิญก็จะไป เพราะตอนนี้มีหลาย ๆ กลุ่มจัดดีเบตแยกกัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องความเดือดร้อนของกลุ่มเฉพาะ เช่น วันนี้จะมีการดีเบตของกลุ่มหาบเร่แผงลอย คนทำงานกลางคืน กลุ่มแท็กซี่มอเตอร์ไซค์ ก็อยากจะไป เพราะเป็นการสะท้อนปัญหาจากคนหลาย ๆ กลุ่ม มีคำถามให้ได้ชี้แจงนโยบาย รวมถึงข้อเสนอต่าง ๆ ทำให้สามารถเก็บเป็นข้อมูล และได้พูดถึงสิ่งที่ตนอยากจะทำด้วย
ในการดีเบตครั้งล่าสุด มีการพูดถึงเรื่องการเปิดพื้นที่การชุมนุมใน กทม.ก็ได้แสดงความคิดเห็นว่า เห็นด้วยที่ควรให้สิทธิเสรีภาพในการชุมนุมภายใต้กฎหมาย หากได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. เห็นว่าพื้นที่หลาย ๆ ส่วนของ กทม.ควรนำมาใช้ประโยชน์ร่วมกัน ไม่เพียงเฉพาะการชุมนุม แต่อาจจะใช้ในจุดประสงค์อื่นได้ด้วย เช่น สวนสาธารณะก็อาจจะไม่ได้มีไว้เพื่อการวิ่งอย่างเดียว จะจัดดนตรีหรือทำกิจกรรมอย่างอื่นที่ไม่กระทบกับสิทธิของผู้อื่นก็ได้
ผมมั่นใจ ในเรื่องการประสานงาน เพราะสมัยที่เป็นรองผู้ว่าฯ ก็ประสานกันมาด้วยดีตลอด ลักษณะของผม คือการประสานงานอยู่แล้วไม่ใช่ประสานงา