วันนี้ (8 พ.ค.2565) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดเหตุการณ์น้ำป่าไหลหลากจากเทือกเขาแก่งกรุง จ.สุราษฎร์ธานี เข้าท่วมบ้านเรือนของประชาชนในพื้นที่หมู่ 7 ต.ตะกุกเหนือ อ.วิภาวดี เมื่อ 2 วันที่ผ่านมา
ล่าสุด ทีมข่าวลงพื้นที่ ต.ตะกุกเหนือ พบว่า ภายในบ้านของชาวบ้านเต็มไปด้วยโคลนหนา ต้องใช้จอบขุดตักดินโคลนออก ก่อนที่จะทยอยนำทรัพย์สินและข้าวของเครื่องใช้ที่จมโคลนออกมาคัดแยก สำหรับนำกลับไปใช้งาน
ชาวบ้านหลายคนใช้ชีวิตอย่างลำบาก เนื่องจากทรัพย์สินและเอกสารสำคัญทุกอย่างหายไปกับน้ำ บางคนบอกว่าเหลือเสื้อผ้าเพียงชุดเดียว เพราะขณะเกิดเหตุไม่ได้อยู่ในบ้าน น้ำป่าเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรง ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาทีก็พัดพาข้าวของสูญหายไปทั้งหมด
ขณะที่บ้านบางหลังเหลือเพียงตัวบ้าน ไม่มีประตู หน้าต่าง หน้าบ้านมีต้นไม้ขนาดใหญ่กีดขวางไว้ และยังทิ้งร่องรอยระดับน้ำสูงกว่า 2 เมตร
ชาวบ้านบอกว่า ยังรอความช่วยเหลือ หลังหลายหน่วยงานเข้ามาสำรวจความเสียหาย เพราะหากจะซ่อมแซมเองก็ไม่มีทุนมากนัก คาดว่าจะต้องใช้เวลาหลายเดือนจึงจะสามารถกลับเข้าบ้านได้ตามปกติ ขณะนี้ต้องอาศัยอยู่ที่บ้านเพื่อนและบ้านญาติไปก่อน
ส่วนเจ้าหน้าที่เร่งซ่อมแซมคอสะพานที่ขาดในหมู่ 7 ให้แล้วเสร็จ เพื่อให้สัญจรได้ชั่วคราว ซึ่งสะพานแห่งนี้เป็นเส้นทางเชื่อมระหว่างหมู่บ้าน โดยหลังสะพานขาด ชาวบ้านใช้วิธีเดินฝ่ากระแสน้ำเพื่อกลับเข้าบ้าน และเมื่อสะพานแล้วเสร็จ ผู้ใหญ่บ้านจะเข้าสำรวจความเสียหายอีกครั้ง
อ่านข่าวอื่นๆ
น้ำป่าหลากท่วมสุราษฎร์ฯ สูญหาย 1 คน
เตือน 6 จังหวัด เสี่ยงน้ำหลาก-น้ำท่วมฉับพลัน 7-10 พ.ค.นี้
กรมอุตุฯ คาดดีเปรสชันเป็น "ไซโคลน" เตือนใต้ระวังฝนถล่ม