คำต่อคำ “พล.อ.วิชญ์” เปิดใจไม่ไปต่อ
พล.อ.วิชญ์กล่าวว่า ผมเองผมไม่ได้มีอะไรนะ แต่สำคัญที่สุดคือเขาเอง นี่เขาไม่เคยให้เกียรติผมเลย ในฐานะที่เป็นหัวหน้าพรรค เขาคิดว่าเขาเป็นเจ้าของพรรคหรือยังไง เราไม่รู้นะ
สิ่งสำคัญที่สุดคือ เขาทำอะไรโดยไม่บอกผมเลยแม้แต่นิดเดียว ปิดบังผมมาตลอด ทั้งในเรื่องของการที่จะไปดีล ไปพบฝ่ายค้านหรือทำอะไรต่าง ๆ มันไม่ถูกต้อง
ผมจึงคิดว่า มันคงอยู่ด้วยกันไม่ได้ และการที่เราออกมาอยู่ ผมเองก็มาดูแลเพื่อให้เป็นไปตามนโยบายที่เราต้องการแค่นั้นเอง สิ่งสำคัญที่สุดคือ พอมาแล้วนี่ เขาไม่คิดที่จะทำอะไรให้ดี ทำตามอำเภอใจของตัวเอง อยากจะทำอะไรก็ทำ อย่างนี้ไม่ถูก เรื่องมันเป็นอย่างนี้
มีโอกาสที่จะคุยกับ ร.อ.ธรรมนัส ได้อีกหรือไม่
พล.อ.วิชญ์ : ผมไม่คุยแล้ว ผมหยุดแล้วทุกอย่าง จบก็คือจบ ไปด้วยกันไม่ได้ ก็คือไปด้วยกันไม่ได้ และผมเองไม่อยากทำอะไรต่อด้วยกันแล้ว เพราะว่าทุกอย่าง เห็นแล้ว เช่น การพูดกล่าวหาผม 3 ข้อที่ว่า มันไม่มีความเป็นจริงเลยแม้แต่นิดเดียว หาว่าผมใช้อำนาจมั่งอะไรต่าง ๆ ผมว่ามันไม่ถูก การมาพูดอะไรต่าง ๆ มันไม่ใช่ แล้วต่อเขาแล้วกัน เขาจะว่าอะไรก็ว่ากันไป
แสดงว่าตลอดระยะเวลาที่เข้ามาทำงานในฐานะหัวหน้าพรรค ก็มีความอึดอัดใจมาโดยตลอดใช่หรือไม่
พล.อ.วิชญ์ : บอกตรง ๆ ว่าอึดอัดมาตลอด แล้วก็คิดว่า เขาจะทำอะไร ไม่เคยคิดถึงพรรค ทำตามอำเภอใจทุกอย่าง ผมเองก็พยายามทำทุกอย่าง เพราะว่าเราก็ต้องเห็นใจคนที่เขามาใหม่ ที่เขาเพิ่งมาอยู่และเขามีความตั้งใจในการทำงานให้กับพรรค แต่พอถึงเวลาตัวเลขาฯ กลับไม่ใส่ใจไม่อะไรทั้งสิ้น ตรงนี้มันไม่ถูกเท่านั้นเอง
พล.อ.ประวิตรจะเป็นกาวใจให้ได้หรือไม่
พล.อ.วิชญ์ : มันจบแล้ว มันไม่เกี่ยวข้องแล้ว ผมก็บอกแล้วว่าผมพอแล้ว ผมจบแล้ว ผมไม่ต้องไปคุยอะไรต่าง ๆ ไม่จำเป็นต้องไปคุยอะไรแล้ว ผมเคยคิดว่าเราคุยกันได้ แต่พอถึงเวลาแล้ว เขาไม่มาเองนะ เขาอ้างว่าติดธุระ ติดโน่นติดนี่ไปต่างประเทศไปอะไร ก็แล้วแต่ เขาไม่อยากคุยก็ไม่ต้องคุย ผมก็จบแล้ว
จะกลับมาช่วยงานการเมือง พล.อ.ประวิตร ยังไงบ้างหรือไม่
พล.อ.วิชญ์ : อนาคตค่อยว่ากันอีกที ผมบอกตรง ๆ การทำงานกับพี่ป้อม ผมทำอยู่แล้ว ท้านบอกให้ทำอะไรผมก็ต้องทำ เพราะผมอยู่กับพี่ป้อมมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว 30-40 ปีแล้ว เพราะฉะนั้นทำงานกับพี่ป้อมก็ต้องทำต่อไป ส่วนงานการเมืองก็ต้องดูว่าจะให้เราทำอะไร แค่นั้นเอง ถ้าเราทำได้เราก็ทำ ถ้าทำไม่ได้เราก็บอกว่าไม่ทำ
เรื่องการเมืองบอกตามตรง ผมเองไม่ชำนาญเรื่องการเมือง แต่ผมคิดว่าการทำอะไรก็แล้วแต่ ทุกอย่างไม่ใช่เรื่องการเมืองอย่างเดียว ต้องมีใจให้กัน ซึ่งกันและกัน ไม่ใช่ว่าคิดเอง เออเอง ทำเอง แล้วก็พูดจาอย่างแต่ทำอีกอย่าง ผมว่ามันไม่ใช่
ผมเป็นคนตรงไปตรงมา ผมไม่ชอบ การที่มาต่อหน้าอย่าง ลับหลังอย่าง
รู้สึกผิดหวังหรือไม่ กับการที่เดินออกมาจากพรรคพลังประชารัฐ มาเป็นหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย ครั้งนี้
พล.อ.วิชญ์ : คิดว่าคิดผิด บอกตรง ๆ เราไม่ได้พิจารณาให้มันรอบคอบ พอถึงเวลาแล้วมันก็ผิดหวังเหมือนกัน
ผมอายุ 72 แล้ว ผ่านการทำงานมาเยอะ พูดง่ายๆ ว่ามีทั้งดีและไม่ดี ก็ต้องยอมรับกัน สิ่งไหนที่เราคิดว่ามันเกิดปัญหากับเราหรือเปล่า เราก็ต้องมาพิจารณาว่าเราทำถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง แต่ถ้าเราทำถูกต้องแล้วผิดคิดว่ามันก็ไม่ต้องมาคิดอะไรมาก
มองทิศทางการเมืองอย่างไร
พล.อ.วิชญ์ : ก็ขึ้นอยู่กับเขาว่าเขาคิดอย่างไร ว่าเขาจะยอมฟังคนอื่นบ้างหรือเปล่า เพราะทุกวันนี้ การที่เขาเป็นอย่างนี้ ผมคิดว่าการจะฟังกันก็คงลำบาก การที่เขาไม่พยายามจะเปิดหูเปิดตากันบ้างก็ลำบากพอสมควร
ถ้าพูดกันภาษาชาวบ้าน เหมือนเขาเอาเรามาเป็นไม้กันหมาหรือเปล่า
พล.อ.วิชญ์ : ถ้าพูดอย่างนั้น มันก็เหมือนจะถูกนะ เราเองเราก็ไม่มีอะไร เพียงแต่ว่าโอเค เรามาช่วย ช่วยคนไม่ดี อันนี้บอกตรง ๆ ถ้าช่วยคนที่ดีมันคงไม่เป็นอย่างนี้หรอก
อยากฝากอะไรถึงลูกพรรคหรือไม่
พล.อ.วิชญ์ : ไม่มีอะไรหรอก ก็ห่วงแต่ลูกพรรคที่เข้ามาใหม่เท่านั้นเอง เขามีความตั้งใจที่จะมาทำงานให้กับพรรค แต่พอถึงเวลาแล้ว เขาก็คงจะผิดหวังพอสมควร ต่อไปในอนาคตถ้าเขาทำอะไรสิ่งที่ดี ๆ ก็คิดว่ามันจะเป็นสิ่งที่ดี ๆ ในเรื่องการเมือง ทำให้มันดีแล้วสร้างสรรค์ ทำให้บ้านเมืองมันดี ให้ประชาชนอยู่ดีกินดี ถ้าเขาสามารถทำได้ก็ทำ แต่ถ้าทำไม่ได้อย่าไปทำดีกว่า เพราะทุกอย่างมันก็แย่ลงๆ