วันนี้ (27 พ.ค.2565) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ว่าที่ผู้ว่าฯ กทม. ลงพื้นที่ในเขตบางซื่อ เพื่อพูดคุยและรับมอบหนังสือจากตัวแทน บริษัท ท.ธนารัฐ 1971 ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินใกล้สถานีรถไฟฟ้าวงศ์สว่าง พื้นที่ 836 ตารางวา
ตัวแทนบริษัท ระบุว่า ตั้งแต่ต้นปี 2562 บริษัทฯ ได้มอบที่ดินให้สำนักงานเขตบางซื่อไปปรับปรุงภูมิทัศน์ ตามโครงการ “เปลี่ยนพื้นที่เปลี่ยวเป็นพื้นที่โปร่ง” หวังตัดวงจรอาชญากรรม ลดปัญหามลพิษ และอัคคีภัย เป็นระยะเวลา 4 ปี

ด้วยข้อจำกัดด้านงบประมาณและกำลังคน จึงไม่พัฒนาที่ดินไปได้มากกว่านี้ เมื่อว่าที่ผู้ว่าฯ กทม.มีนโยบายจะเพิ่มพื้นที่สีเขียว ทางบริษัทฯ ก็ยินดีสนับสนุน โดยคาดว่าจะทำสัญญากับ กทม. 5-8 ปี
นายชัชชาติกล่าวว่า ที่ดินผืนนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการสร้าง “พื้นที่สีเขียว” ขนาดเล็กตามนโยบาย “สวน 15 นาที Pocket Park ทั่วกรุง โดย กทม. จะใช้มาตรการด้านภาษีมาจูงใจให้เจ้าของที่ดินเอกชน เปลี่ยนที่รกร้างว่างเปล่าให้เป็นสวนสาธารณะขนาดเล็ก

“ลำพัง กทม.จะเอาเงินมาซื้อที่ดินแปลงนี้ก็ 100 ล้านบาท ไม่มีทางที่จะเอาพื้นที่กลางเมืองมาทำสวนสาธารณะได้ เชื่อว่ามีพื้นที่อีกหลายแปลงที่ยังไม่อยากพัฒนาตอนนี้ แต่รอเวลาไปก่อน แทนที่จะไปปลูกกล้วยหรือเอาไปทำอะไร เอาตรงนี้มาทำพื้นที่สาธารณะให้คนใช้จะดีกว่า ซึ่งจะได้ลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างได้” นายชัชชาติ กล่าว
ว่าที่ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวเพิ่มเติมว่า กทม. มีอำนาจในการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างได้เอง แต่ต้องไม่เกินอัตราสูงสุดที่กฎหมายกำหนด ถ้า กทม.เห็นว่า พื้นที่บางพื้นที่ไม่ควรเป็นแปลงเกษตร หรือ นำมาปลูกกล้วย ก็อาจจะใช้อำนาจตามกฎหมายที่มีอยู่ปรับอัตราภาษีฯ ให้สูงขึ้นได้ แต่ยังไม่ใช่ข้อสรุปว่า จะเพิ่มภาษีฯ เพียงแต่ย้ำให้เห็นว่า มีช่องทางในการใช้มาตรการทางภาษีมาเป็นเงื่อนไข และแรงจูงใจให้เกิด “พื้นที่สีเขียว” ในเมืองได้

ด้านนายอำนวย ปราบพินาศ หัวหน้าวินรถจักรยานยนต์รับจ้าง สถานีรถไฟฟ้าวงศ์สว่าง บอกว่า ถ้านายชัชชาติจะพัฒนาที่ดินผืนนี้ให้เป็นสวนสาธารณะก็เป็นเรื่องดี เพราะที่ดินผืนนี้สามารถเข้าถึงได้ง่าย และคาดว่า จะมีคนมาใช้สวน และจักรยานยนต์รับจ้างเพิ่มขึ้น แต่ก็อยากให้ กทม.ช่วยเพิ่มหลอดไฟส่องสว่างในพื้นที่ให้มากขึ้น เพื่อลดความจุดเสี่ยง