วันนี้ (28 พ.ค.2565) ก่อนเกมส์นัดชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่สนามสตาด เดอ ฟรองซ์ ในกรุงปารีส คืนวันนี้ ลิเวอร์พูล พบกับ เรอัล มาดริด โดยถือเป็นการรีแมตช์ คู่ชิงจากฤดูกาล 2017-2018 ด้วย
ความพร้อมทางฝั่งลิเวอร์พูล บรรดาผู้เล่นที่มีอาการบาดเจ็บช่วงปลายฤดูกาล เริ่มทยอยกลับมาเรียกความฟิตและพร้อมจะลงสนามในเกมส์นี้ ไม่ว่าจะเป็นเวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ หรือ ฟาบินโญ่
ส่วน ติอาโก้ อัลกันทารา ที่ได้รับบาดเจ็บในเกมส์นัดปิดท้ายฤดูกาล และถูกคาดหมายว่า อาจจะฟิตไม่ทันเกมส์นัดนี้ แต่ทว่า การให้สัมภาษณ์ล่าสุดของ เจอร์เก้น คล็อปป์ บอกว่า อาจจะมีเซอร์ไพรส์ ที่ ติอาโก้ จะได้ลงสนามคุมแดนกลางให้หงส์แดง หลังจากสามารถลงฝึกซ้อมกับเพื่อนร่วมทีมได้ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา
ขณะที่ตำแหน่งอื่น ๆ ของลิเวอร์พูล ไม่มีปัญหา แต่คล็อปป์ อาจต้องชั่งใจว่า จะส่งอิบราฮิมา โกนาเต้ หรือ โจเอล มาติป ยืนเป็นเซนเตอร์ คู่กับ ฟาน ไดจ์ค เนื่องจากในช่วงหลังทั้ง มาติป และ โกนาเต้ ต่างเล่นดีด้วยกันทั้งคู่ คล็อปป์ ให้โกนาเต้ ลงบอลถ้วย และมาติป เล่น พรีเมียร์ ลีก
ทางด้านของ ราชันชุดขาว เจ้าของแชมป์รายการนี้สูงสุด 13 สมัย ส่งรายชื่อ 26 นักเตะให้กับยูฟ่า เป็นนักเตะชุดใหญ่ ไม่มีใครบาดเจ็บ หรือ ติดโทษแบน นำทีมโดย คาริม เบนเซม่า, วินิซิอุส จูเนียร์, โทนี่ โครส, ลูก้า โมดริช, คาเซมิโร่
คาร์โล อันเชล็อตติ โค้ชของมาดริด แถลงข่าวก่อนเกมเมื่อวานนี้ว่า การเข้าถึงรอบชิงในปีนี้ของทีมถือเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ และยืนยันว่าทุกคนจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อคว้าแชมป์
สถิติชิง 2 ครั้ง ผลัดกันแพ้-ชนะ
ขณะที่นายอดิสรณ์ พึ่งยา ผู้บรรยายกีฬาฟุตบอลต่างประเทศ มองว่า เกมส์นี้จะวัดกันที่จังหวะเข้าทำ และการจบสกอร์ในพื้นที่สุดท้าย เพราะคุณภาพของนักเตะไม่แตกต่างกัน แต่น่าเป็นห่วงลิเวอร์พูล เพราะเป็นเกมส์ที่ 63 ในฤดูกาล อาจจะมีอาการล้าให้เห็นบ้าง หากต้องสู้กันจนถึง 120 นาที
หากย้อนหลังกลับไปวันที่ 27 พ.ค. ปี 1981 ลิเวอร์พูล เข้าชิง กับ เรอัล มาดริด ที่กรุงปารีส และเป็นลิเวอร์พูล ที่ชนะไปได้ 1-0 จาก อลัน เคนเนดี้ แต่ในปีนั้นเล่นที่สนาม ปาร์ก เดอ แปรงซ์
ลิเวอร์พูล พบกับ เรอัล มาดริด ในนัดชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ครั้งหลังสุดคือ ฤดูกาล 2017-2018 ซึ่ง เรอัล มาดริด เป็นฝ่ายชนะมาได้ 3-1 ในยุคที่มี ซีเนดีน ซีดาน คุมทีม
ส่วนบรรยากาศหน้าสนามสตาด เดอ ฟรองซ์ ได้มีแฟนบอลทั้งสองทีมเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ที่ถูกจัดขึ้นรอบ ๆ สนาม อย่างการถ่ายรูปกับถ้วยแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งแฟนบอลทั้งสองทีมก็มั่นใจว่า ทีมรักของพวกเขาจะเป็นฝ่ายคว้าแชมป์ยุโรป จากการพบกันครั้งที่ 3 ในรอบชิง ซึ่ง 2 ครั้งก่อนหน้านี้ทั้งสองทีมผลัดกันชนะคว้าแชมป์ไปทีมละครั้ง