หลังจากเข้ารับใบรับรองจาก กกต.เป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครคนที่ 17 อย่างเป็นทางการแล้ว นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ก็ได้เดินทางไปยังศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) เป็นครั้งแรกหลังได้รับตำแหน่ง
เมื่อเดินทางไปถึง นายขจิต ชัชวานิชย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้เดินทางมาต้อนรับ พร้อมข้าราชการ กทม. โดยทั้งนายชัชชาติ และปลัด กทม.ต่างแนะนำทีมงานให้ได้รู้จักด้วยบรรยากาศที่เป็นกันเอง
จากนั้น นายชัชชาติ ได้เดินไปสักการะพระพุทธนวราชบพิตร และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำศาลาว่าการ กทม.เสาชิงช้า ท่ามกลาง เจ้าหน้าที่ บุคลากร ข้าราชการกรุงเทพมหานคร ออกมาโบกมือทักทาย ส่งเสียงแสดงความยินดีผ่านหน้าต่างห้องทำงาน เพื่อต้อนรับ และมีบางส่วนเดินเข้าไปขอถ่ายรูปอย่างใกล้ชิด
เจ้าหน้าที่ บุคลากร ข้าราชการกรุงเทพมหานคร ออกมาโบกมือทักทาย ส่งเสียงแสดงความยินดีผ่านหน้าต่างห้องทำงาน เพื่อต้อนรับ #ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ บริเวณศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร #ThaiPBSnews #ผู้ว่ากทม pic.twitter.com/9RlKLgzOXG
— Thai PBS News (@ThaiPBSNews) June 1, 2022
กระทั่งเวลา 13.35 น. ผู้ว่าฯ กทม. และ ปลัด กทม. ได้ร่วมกันลงนามในพิธีมอบหมายงานในหน้าที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครอย่างเป็นทางการ เพื่อขับเคลื่อนนโยบายไปสู่การทำให้กรุงเทพมหานครเป็นเมืองน่าอยู่ของทุกคน
ขณะที่ นายชัชชาติ ระบุว่า เป็นการเดินทางที่ยาวนานกว่า 2 ปี กระทั่งวันนี้มีเพื่อนร่วมเดินทางคือ ข้าราชการ กทม. ขออย่าเรียกว่านาย แต่เรียกว่าอาจารย์ดีกว่า เพราะทุกคนเป็นเพื่อนร่วมงานกัน และขอให้ทุกคนเดินไปด้วยกัน ย้ำ "มีอะไรคุยกันได้ หลักการคือ มีอะไรคุยกัน ผมทำอะไรไม่เหมาะก็บอกได้"
ผมขอให้ทุกคนใน กทม.ร่วมอ่านนโยบาย 214 ข้อ ไม่ได้ให้ไปปฏิบัติตาม แต่อยากได้ฟีดแบ็กว่าจะดำเนินการอย่างไร หรืออยากจะเพิ่มเป็น 300 ข้อก็ยินดี
ผู้ว่าฯ กทม. ย้ำอีกว่า เรื่องความโปร่งใส สุจริต อันดับ 1 และจะไม่ทนกับเรื่องทุจริต และขณะนี้เริ่มมีคนแอบอ้างชื่อแล้ว หากใครพบว่า มีคนแอบอ้างชื่อขอให้แจ้งทันที เพราะเจตนาต้องการทำให้ กทม.เป็นหน่วยงานที่สุจริต โปร่งใส และยุติธรรม
ผมเป็นคนตื่นเช้า แต่ทุกคนไม่ต้องตื่นเช้าตามผม เพราะทุกคนมีธุระ หรือภารกิจแตกต่างกัน เวลาผมไปลงพื้นที่ไม่ต้องมาเยอะ ไม่จำเป็นก็ไม่ต้องมา ถ้ามาแล้วผมถามว่า มาทำไมต้องตอบให้ได้
ขณะเดียวกัน นายชัชชาติ ย้ำว่า ช่วงไหนที่เดินทางลงพื้นที่แล้วไม่ได้แจ้งล่วงหน้า เนื่องจาก ต้องการไปพูดคุยกับประชาชนเพื่อให้ได้คำตอบอย่างแท้จริงว่าแต่ละคนต้องการอะไร ไม่ได้ต้องการจะจับผิด และหลังจากนี้จะเดินทางไปหารือและวางแผนดำเนินการนโยบายกับผู้อำนวยการเขตทั้ง 50 เขต และอีก 16 สำนักอย่างแน่นอน เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้ประชาชน