กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสื่อสังคมออนไลน์มานาน 3-4 วัน สำหรับกรณีเพจเฟซบุ๊ก หมามะเร็ง Dogs Cancer การออกมาโพสต์ว่า "เพจขอยุติ เดินต่อไม่ไหวแล้ว"
หลังโพสต์ดังกล่าวออกมาก็มีผู้คนบริจาคเงินกับเพจเป็นจำนวนมาก แต่ขณะเดียวกันก็เริ่มมีคนแสดงความคิดเห็นในเชิงตั้งคำถามถึงความโปร่งใสของเพจที่ไม่ได้มีการแจ้งยอดบริจาคที่ได้รับ และบิลค่ารักษาพยาบาลเป็นของเมื่อปี 2562 ขณะเดียวกันยังมีการโพสต์ถึงการนำเงินบริจาคไปใช้ส่วนตัวอีกด้วย
ล่าสุด กิ่งวราภร ศาลาประทีป เจ้าของเพจหมามะเร็ง Dogs Cancer ให้สัมภาษณ์กับไทยพีบีเอสออนไลน์ เกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวว่า ทางเพจได้ช่วยเหลือและดูแลสุนัขอยู่ในปัจจุบันประมาณ 200 ตัว โดยส่วนใหญ่เป็นสุนัขป่วยโรคมะเร็ง หมาที่ประสบอุบัติเหตุ หรือพิการ ซึ่งต้องแบกรับค่าใช้จ่ายทั้งค่าอุปกรณ์ทำแผล ค่าทำความสะอาด ค่าอาหาร ค่ารถ ค่าทำหมัน ค่าวัคซีน ไปจนถึงค่ารักษาพยาบาล แต่ละเดือนต้องมีค่าใช้จ่ายประมาณ 500,000 บาท
กระทั่งช่วง COVID-19 ที่ผ่านมา ยอดบริจาคเริ่มลดลง รวมกับสถานการณ์เฟซบุ๊กปิดกั้นการมองเห็น ทำให้ยอดบริจาคเริ่มลดลง จึงต้องโพสต์ข้อความเดิมซ้ำ ๆ หลายครั้ง ซึ่งวันหนึ่งมีสัตวแพทย์โทรศัพท์มาแจ้งขอยอดค่ารักษาพยาบาล แต่เงินในบัญชีเหลือเพียง 20,000 บาท อีกทั้งวันเดียวกันยังต้องจ่ายค่าอาหารสุนัขด้วย ทำให้โพสต์ขอรับบริจาคไป โดยจะยุติรับเคสใหม่ แต่จะรับผิดชอบเคสที่รับไว้แล้วอย่างเต็มที่
หลังจากโพสต์ดังกล่าวก็มีคนบริจาคเข้ามากว่า 200,000 บาท แต่เมื่อเริ่มเกิดกระแสดรามาก็ทำให้ยอดบริจาคนิ่งไป แต่ยืนยันว่า จะดำเนินการชี้แจงเกี่ยวกับยอดบริจาคและค่าใช้จ่ายผ่านเพจเฟซบุ๊กโดยเร็วที่สุด เพราะยืนยันว่า ดูแลและช่วยเหลือสุนัขป่วยจริง ๆ แม้ที่ผ่านมา บางเคสจะไม่ได้รับความช่วยเหลือแต่เพจก็เข้าไปช่วย โดยไม่ได้เลือกเฉพาะเคสหมาที่น่าสงสารแต่อย่างใด
เพจดูแลสัตว์รับยอดบริจาคน้อย ต้องงดรับเคสเพิ่ม
สอดคล้องกับ “เพจมูลนิธิวอชด็อก ไทยแลนด์ Watchdog Thailand-WDT” ให้ข้อมูลว่า จำนวนผู้บริจาคน้อยลง ทำรายรับดูแลสัตว์ป่วยลด จนต้องงดรับเคสดูแล
แอดมินเพจ WDT กล่าวว่า ขณะนี้มูลนิธิฯ มีรายได้ลดลงมากจากการระดมทุนเพื่อช่วยเหลือสัตว์ที่ถูกทารุณกรรม และรักษาสัตว์เจ็บป่วย ซึ่งผลกระทบเศรษฐกิจจากสถานการณ์โควิด-19 อาจเป็นสาเหตุหนึ่ง ทำให้ WDT ไม่สามารถรับเคสต่างๆ มาดูแลเพิ่มได้ ทั้งเคสที่ยังอยู่ระหว่างการรักษา เคสที่รักษาจบแล้ว แต่ไม่สามารถหาบ้านให้ได้ WDT ก็ต้องฝากให้บ้านพักพิงต่าง ๆ ช่วยดูแล อาจจนกว่าสัตว์จะหมดอายุขัย
กรณีไม่รับเคสก็โดนประณาม แต่รับมาคือค่าใช้จ่าย พอมาระดมทุนก็โดนตำหนิ สุนัขเหล่านี้ไม่มีที่ไป ไม่มีผู้อุปการะ
นอกจากค่าใช้จ่ายในการดูแล ค่าอาหาร และค่ารักษาสัตว์แล้ว มูลนิธิฯ ยังมีค่าใช้จ่ายในการสร้างคอกสำหรับฝากสัตว์ไว้ที่บ้านพักพิง เนื่องจากไม่ได้จดทะเบียนสถานพักพิง
ทุกอย่างมีค่าใช้จ่ายหมด ถามว่าหากมูลนิธิไม่รับเงินบริจาคจะนำเงินที่ไหนมาช่วยเหลือสัตว์
แอดมินเพจ WDT ยืนยันว่า มูลนิธิฯ ดำเนินการทุกอย่างถูกต้องและสามารถตรวจสอบได้ อยากให้เข้าใจว่าเงินบริจาคไม่เพียงพอให้รับได้ทุกเคส และขณะนี้ถึงจุดวิกฤตแล้ว แต่ยืนยันว่าจะทำงานช่วยเหลือสัตว์ต่อไป
ในทุกวันยังเคสจำนวนมากติดต่อขอความช่วยเหลือผ่านอินบ๊อกเฟซบุ๊ก ก่อนหน้านี้มูลนิธิฯ ไม่ได้โพสต์เพื่อช่วยเหลือบ้านพักพิงใด ๆ เพราะไม่ใช้นโยบายของมูลนิธิ เนื่องจากเน้นดูแลเคสทารุณกรรม และดูแลการรักษาในเคสของมูลนิธิเอง แต่ช่วงหลังมีเพจบ้านพักพิงต่าง ๆ ที่เดือดร้อน ก็จะใช้วิธีช่วยแชร์ต่อ ยกตัวอย่างบางเพจมีสุนัขที่ต้องดูแล 800 -1,000 ตัว แต่ก็มีการคอมเม้นต์โจมตี เช่น ทาง WDT รับเคสหมามาแล้วปล่อยทิ้งไม่ดูแล ซึ่งเป็นการบิดเบือน ยืนยันไม่เคยรับเคสมาแล้วมาระดมทุน เพราะจะประเมินเงินค่ารักษาว่ามีเพียงพอหรือไม่
พบเคสทิ้งหมา-แมว ล็อตใหญ่ขึ้น ?
แอดมินเพจ WDT ระบุ ช่วงที่ผ่านมามีอินบ็อกซ์จากลูกเพจจำนวนมากที่ตกงานจากสถานการณ์โควิด ขณะที่บางคนเอ็นดูสุนัขเฉพาะตอนเด็ก หรือช่วงที่มีความน่ารัก เมื่อไม่ถูกใจจึงปล่อยทิ้ง กลายเป็นปัญหาสุนัขจรจัด ขณะที่กลุ่มเอกชน และอาสาสมัครช่วยกันทำหมันสัตว์เพื่อลดปัญหา พร้อมสะท้อนว่าไม่เคยได้รับความช่วยเหลือ หรือจัดสรรงบฯ จากภาครัฐ
การทำงานกันมา 10 ปี โดยเฉพาะ 3 ปีที่ผ่านมา ช่วงโควิด -19 มีการทิ้งสุนัขเป็นจำนวนมาก ๆ ล่าสุดมีเคสที่สงขลา มูลนิธิบ้านหมายิ้มต้องเข้าไปช่วยเหลือสุนัขผอม อดข้าว ถูกเจ้าของทิ้งไป 4 เดือน พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าระยะหลัง ๆ จะพบเคสทิ้งสุนัขจำนวนมาก ล็อตใหญ่ถึง 30 ตัว เนื่องจากบางคนสงสารและนำมาเลี้ยง แต่สุดท้ายตกงาน ไม่มีเงินค่าอาหาร
แอดมินเพจ WDT ยังระบุว่า ในโลกโซเชียลมีทั้งบวกและลบ คนโจมตีก็ทำทุกอย่างให้ทางเพจที่ทำงานช่ายเหลืออยู่ไม่ได้ พร้อมยืนยันว่าผู้ใจบุญสามารถตรวจสอบผลงานผ่านเพจได้ เพราะเมื่อรับเคสใหม่ก็จะมีการโพสต์
ก่อนหน้านี้ที่ยังไม่เป็นมูลนิธิฯ เคยติดหนี้ค่ารักษาสัตว์ป่วยกับหมอมากถึง 500,000 บาท
นอกจากนี้ ยังขอบคุณหัวใจของความเมตตาจากคนรักสัตว์ ที่เป็นกำลังใจและสร้างคุณค่าในการทำงานตลอด 10 ปีที่ผ่านมา
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
เช็กก่อนโอน! SOS Animal แนะตรวจสอบเพจก่อนบริจาคช่วยสัตว์