เมื่อวันที่ 19 มิ.ย.2565 เกิดเหตุชิงทองคำในร้านทองบ้วนหลี (ชมพู) ย่านวังบูรพาภิรมย์ โดยผู้ก่อเหตุ คือ นายมนตรี อายุ 34 ปี ได้ทองรูปพรรณ จำนวน 30 เส้น น้ำหนักรวม 60 บาท รวมมูลค่าทรัพย์สินเป็นจำนวนกว่า 1,800,000 บาท เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งสืบสวนและจับกุมผู้ต้องหาได้ภายใน 11 ชั่วโมง บริเวณปากซอยเจริญนคร 34 แขวงบางลำภูล่าง เขตคลองสาน
จากการสอบสวนนายมนตรีให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้ก่อเหตุจริง โดยวันเกิดเหตุได้ขี่รถจักรยานยนต์ไปจอดไว้บริเวณฝั่งตรงข้ามห้างทอง และเข้าไปก่อเหตุ ก่อนขี่รถจักรยานยนต์ไปจอดซ่อนไว้ในซอยสมเด็จเจ้าพระยา 7 แล้วหลบหนีกลับบ้านพัก ภายในซอยเจริญนคร 34 กระทั่งถูกตำรวจจับกุมได้
ส่วนสาเหตุที่ลงมือ นายมนตรี ระบุว่า เกิดจากความเครียดเรื่องการเงิน และการลงทุนบิทคอยน์ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหา “ชิงทรัพย์โดยมีอาวุธและใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม หรือรับของโจร” ก่อนส่งตัวให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป
"บิล เกตส์" ชี้สินทรัพย์ดิจิทัล คือ ทฤษฎีคนโง่กว่า
สำหรับกการลงทุนคริปโตเคอร์เรนซีขณะนี้หลายเหรียญ อยู่ในช่วงขาลงจนบางคนขาดทุน เเละบางเหรียญก็มีโอกาสลดลงต่อเนื่อง จากการรายงานของ Decrypt ระบุว่า แนวโน้มสถานการณ์ราคาเหรียญบิทคอยน์ ปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงหลุดแนวรับ 20,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ลงไปเคลื่อนไหวอยู่ที่ 18,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นระดับต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์ โดยสาเหตุสำคัญเกิดจากการเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ทำให้เงินไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยงอย่างคริปโตเคอร์เรนซี รวมถึงตลาดหุ้นด้วย
ขณะเดียวกันก็เป็นที่น่าสังเกตว่า กรณีการร่วงลงของบิทคอยน์ เป็นช่วงเดียวกันกับ บิล เกตส์ นักธุรกิจชื่อดังชาวอเมริกัน หนึ่งในผู้ก่อตั้งบริษัท Microsoft กล่าวในที่ประชุม TechCrunch โดย CNN รายงานว่า บิลเกต พูดว่า "แนวโน้มสินทรัพย์ดิจิทัลเหล่านั้นอิงตามทฤษฎีคนโง่กว่าแบบ 100%" โดยอ้างถึงแนวคิดที่ว่านักลงทุนสามารถสร้างรายได้จากสินทรัพย์ที่ไร้ค่า ทำให้มันมีมูลค่าสูงลิบเมื่อนักลงทุนยินดีที่จะจ่ายในราคาแพง
ทั้งนี้ ทฤษฎีคนโง่กว่า หรือ Greater fool theory หมายถึงการที่มีคนยอมซื้อสินทรัพย์ในราคาที่สูงกว่ามูลค่าที่แท้จริงของมัน ซึ่งจะถูกเรียกว่า Fool และมีคนที่ยอมซื้อมันต่อในราคาที่แพงขึ้นอีก เพื่อหวังผลกำไรที่มากขึ้นในอนาคต ก็จะถูกเรียกว่า Greater fool หรือคนโง่กว่านั่นเอง
ก่อนหน้านี้ วาเรน บัฟเฟตต์ นักลงทุนชื่อดัง กล่าวถึงบิทคอยน์และคริปโตเคอร์เรนซีว่า เขาไม่เห็นว่ามันมีราคาค่างวดอะไร หากเอาบิทคอยน์จากทั่วโลกมากองตรงหน้าและเสนอขายในราคาที่ถูก ก็ไม่สนใจจะซื้อ เพราะไม่รู้ว่าจะซื้อไปทำไม บัฟเฟตต์ ได้นิยามบิทคอยน์ว่า เป็นแค่ภาพลวงตา เพราะไม่มีคุณสมบัติเพียงพอจะเป็นสกุลเงินได้ หลังจากนี้ต้องจับตาการเคลื่อนไหวของคริปโตฯ ต่อว่าจะมีทิศทางอย่างไร