เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.2565 สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า พนักงานการรถไฟอังกฤษกว่า 40,000 คน หยุดงานประท้วง ส่งผลให้ระบบรถไฟในอังกฤษแทบกลายเป็นอัมพาต ถือเป็นการหยุดงานประท้วงครั้งใหญ่ที่สุดในรอบกว่า 30 ปี
การประท้วงเกิดขึ้นหลังจากพนักงานกลุ่มนี้เรียกร้องขอขึ้นเงินเดือน 7% เพื่อรับกับสถานการณ์เงินเฟ้อและค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น แต่ต้นสังกัดตั้งเพดานไฟเขียวขึ้นให้เพียง 3% แม้จะมีการเจรจากัน แต่ยังหาข้อสรุปไม่ได้ เครือข่ายสหภาพพนักงานรถไฟจึงกำหนดประท้วงหยุดงาน โดยกำหนดวันที่ 21, 23 และ 25 มิ.ย.นี้
พนักงานที่ร่วมประท้วงหลายหมื่นคน ในจำนวนนี้มีทั้งเจ้าหน้าที่ควบคุมสัญญาณไฟ ฝ่ายซ่อมบำรุง และอื่นๆ ไปจนถึงพนักงานทำความสะอาด ผลกระทบที่เกิดขึ้นทำให้จำนวนรถไฟที่วิ่งให้บริการลดลง เหลือเพียงราวๆ 1 ใน 5 เท่านั้น เช่น ปกติมีรถไฟประมาณ 20,000 เที่ยว เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. เหลือวิ่ง 4,500 เที่ยว
เส้นทางรถไฟประมาณครึ่งหนึ่งของทั้งประเทศต้องปิดบริการสิ้นเชิง รวมไปถึง Scotland และ Wales กับอีกหลายพื้นที่ในอังกฤษ และชั่วโมงการให้บริการลดลง เปิดช้า ปิดเร็ว ซึ่งคาดว่ารถไฟเที่ยวแรกจะวิ่งในเวลา 07.30 น. และขบวนสุดท้ายเวลา 18.30 น.ตามเวลาท้องถิ่นอังกฤษ ส่งผลให้หลายคนตกรถไฟ
สถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ชาวกรุงลอนดอนหลายคนนำจักรยานออกมาใช้สัญจรแทนการขึ้นรถไฟ ขณะที่หลายคนหันไปใช้รถเมล์หรือรถส่วน โดยสถิติเมื่อวันที่ 21 มิ.ย. ช่วงกลางวันพบว่ารถบนถนนแน่นขึ้น เมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา
การประเมินจำนวนรถบนถนน คำนวณจากเวลาที่ผู้ขับขี่ต้องใช้ในการเดินทางเพิ่มในหลายเมือง อย่างในลอนดอนจาก 38% เป็น 51%, คาร์ดิฟฟ์ จาก 24% เป็น 29% และแมนเชสเตอร์ เพิ่มจาก 27% เป็น 34% แต่ขณะเดียวกันมีคนจำนวนไม่น้อยแก้ปัญหาโดยทำงานจากบ้านแทน
นายกฯ อังกฤษชี้ประท้วงหยุดงานทำ ปชช.เดือดร้อน
Andrew Haines ซีอีโอของ Network Rail ที่ดูแลจัดการระบบรางส่วนใหญ่ในอังกฤษ สกอตแลนด์และเวลส์ คาดว่า วันที่ 22 มิ.ย. สถานการณ์จะเลวร้ายกว่าเดิม โดยเฉพาะในช่วงเช้า เพราะปกติการให้บริการรถไฟตอนเช้าจะมีเจ้าหน้าที่กะดึกเข้ามาเตรียมงาน แต่เมื่อพวกเขาหยุดงานประท้วงย่อมทำให้เกิดปัญหาล่าช้ามากขึ้น แต่หวังว่าช่วงสายสถานการณ์จะดีขึ้น
ขณะที่เจ้าหน้าที่ดูแลสถานีรถไฟ ซึ่งเป็นสมาชิกสหภาพที่ร่วมประท้วง อธิบายว่า การประท้วงเกิดขึ้นเพราะพนักงานตกอยู่ในสภาวะที่ลำบาก จากผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เป็นผลพวงจากโรคระบาด
ด้าน Boris Johnson นายกรัฐมนตรีอังกฤษ วิจารณ์ว่า การหยุดงานประท้วงเป็นการกระทำที่ผิดและไม่จำเป็น ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน รวมทั้งกระทบธุรกิจต่างๆ ซึ่งเสียงสะท้อนจากชาวอังกฤษมีทั้งเห็นใจพนักงานการรถไฟ และไม่เห็นด้วยกับการหยุดงานประท้วง
ส่วนหนังสือพิมพ์ The Telegraph รายงานอ้างแหล่งข่าวภายในที่วิจารณ์ว่า พนักงานการรถไฟพยายามต่อสู้เพื่อรักษาระเบียบการปฏิบัติงานที่โบราณเอาไว้ เช่น การต้องใช้คนประมาณ 9 คนเพื่อเปลี่ยนปลั๊กไฟ หรือการเผื่อเวลานานๆ ในการปฏิบัติหน้าที่จนทำให้การทำงานล่าช้า รวมถึงวิศวกรที่จะทำงานเฉพาะในเขตรับผิดชอบของตัวเอง ไม่ยืดหยุ่น ซึ่งเขาวิจารณ์ว่าทำให้เกิดประสิทธิภาพในการทำงานไม่เต็มที่
อ่านข่าวอื่นๆ
เนปาลเดือด! นศ.ประท้วงรัฐขึ้นราคาน้ำมันมากกว่า 10%
ประมูลเหรียญโนเบลนักข่าวรัสเซีย 103.5 ล้านดอลลาร์ช่วยเด็กยูเครน