วันนี้ (1 ก.ค.2565) มีสินค้าหลายรายการทั้งพลังงาน ค่าบริการ ปรับขึ้นราคาเพราะแบกรับต้นทุนไม่ไหว อาทิ ค่าโดยสารรถร่วม บขส., ก๊าซหุงต้ม, เครื่องดื่มแอลกอฮอล์, น้ำอัดลม, เรือโดยสารคลองเเสนเเสบ
เริ่มต้นจากราคาก๊าซหุงต้ม หรือก๊าซ LPG ที่ขึ้นราคาเป็นขั้นบันได วันนี้เพิ่มอีกกิโลกรัมละ 1 บาท ถัง 15 กิโลกรัมปรับขึ้นถึง 15 บาทต่อถัง มาอยู่ที่ 378 บาท จากราคา 363 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม และจะทยอยปรับขึ้นอีก 1 บาทต่อกิโลกรัม ในเดือน ส.ค. เป็น 398 บาท และในเดือน ก.ย. ขึ้นเป็น 408 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม
ค่าโดยสารรถก็ปรับขึ้นเช่นเดียวกัน อย่างค่าเรือคลองแสนแสบ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จะปรับเพิ่มอีกระยะละ 1 บาท จากเดิม 10-20 บาทตามระยะทาง เป็น 11-21 บาทตามระยะทาง ขณะที่รถร่วม บขส.จะขึ้นค่าโดยสาร 5 สตางค์ต่อกิโลเมตร ซึ่งจะปรับในวันที่ 4 ก.ค.นี้ ส่วนรถ บขส.จะตรึงราคาต่อไปอีก 3 เดือน โดยอาจจะมีรถประเภทอื่นๆ เช่น รถสองแถว ที่จะขอปรับขึ้นราคาค่าโดยสารเช่นกัน
ขณะที่ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยี่ห้อดังอย่าง "มาม่า" ที่จะขอกระทรวงพาณิชย์อีกครั้งในการขอปรับขึ้นราคาจาก 6 บาทต่อซอง เป็น 7 บาทต่อซอง แต่ขณะนี้ยังไม่ขึ้น
ข้าวสารถุง ยืนยันว่า ไม่ได้ปรับขึ้นราคาแต่เป็นการปรับกิจกรรมส่งเสริมการขาย หรือโปรโมชันของผู้ประกอบการในบางรายเท่านั้น ซึ่งการปรับโปรโมชันเท่ากับจะไม่มีการให้ส่วนลด ดังนั้นราคาขายข้าวหอมมะลิหนึ่งถุง 5 กิโลกรัม ก็จะเพิ่ม 30 บาท จาก 165 เป็น 195 บาท ข้าวสารเจ้า เพิ่มอีก 10 บาท จาก 80-90 เป็น 90-100 บาท
นอกจากนี้สมาคมค้าส่งและค้าปลีกไทย แจ้งว่ามีสินค้าหลายรายการได้ปรับขึ้นราคา 10% หรือขึ้นประมาณ 1-2 บาท เช่น เครื่องดื่มน้ำอัดลม ทั้งเป๊ปซี่ โค้ก และอาเจ บิ๊กโคล่า ขึ้นราคา 1-2 บาทต่อขวด
เครื่องปรุงรส อย่างซอสปรุงรส, น้ำปลา ขึ้นราคา 2 บาทต่อขวด รวมทั้ง โยเกิร์ตขึ้น 2 บาทต่อถ้วย สบู่ ลูกอม น้ำจิ้มไก่ ผงชูรส และอีกหลายรายการก็ปรับขึ้นเช่นเดียวกัน รวมไปถึงเบียร์ยี่ห้อหนึ่ง ก็ปรับขึ้นราคาขายปลีกขายส่งสูงสุด 1 บาทต่อขวด