กรณีชุดเฉพาะกิจ กรมการปกครอง เข้าจับกุม ด.ต.ภูวเมศฐ์ สังกัดกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว และนายมานัส สุขสม ที่มีพฤติกรรมเรียกรับเงินผลประโยชน์จากผู้ประกอบการสถานบันเทิงแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.นนทบุรี โดยแอบอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจ กรมการปกครอง มีหลักฐานเป็นเงินสด 100,000 บาท ที่เจ้าหน้าที่ใช้ในการล่อจับในรถยนต์ของผู้ต้องหา
วันนี้ (8 ก.ค.2565) พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงโดยไม่ต้องรอตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้ ด.ต.ภูวเมศฐ์ ออกจากราชการไว้ก่อนแล้ว
ส่วนการดำเนินคดีอาญา ให้ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรีกำกับดูแลการสอบสวนของพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรบางใหญ่ นอกจากนี้ ยังให้ พล.ต.ท.สุคุณ พรหมมายน ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ดำเนินการทางวินัยกับผู้บังคับบัญชาของ ด.ต.ภูวเมศฐ์ ที่บกพร่องในการปกครองดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาพร้อมตรวจสอบการนำรถยนต์สายตรวจตำรวจท่องเที่ยวมาใช้ในการกระทำผิดนอกเขตพื้นที่รับผิดชอบเป็นไปโดยถูกต้องตามระเบียบหรือไม่
สำหรับคดีนี้ เจ้าหน้าที่กรมการปกครองมีข้อมูลว่า ด.ต.ภูวเมศฐ์ และนายมานัส ร่วมกับนายสุลรรณ์ หรือ แป๊ะ ที่ยังหลบหนีแอบอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจ กรมการปกครองเรียกรับเงินผู้ประกอบการสถานบันเทิงหลายแห่ง โดยมีการเรียกรับเงินที่เรียกว่าเป็นการเปิดตั๋วในการดูแลครั้งแรก 5,000 บาท และรายเดือน เดือนละ 4,000 บาท หรือ 3,000 บาท
หากร้านใดไม่จ่ายเงินอ้างว่าจะเข้าจับกุมและสั่งปิดร้านทันที โดยนายสุลรรณ์ มักอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหลายหน่วยงานเรียกรับเงินค่าดูแลจากผู้ประกอบการผับ บาร์ โดยพบเบอร์โทรศัพท์และบัญชีที่ใช้สำหรับโอนเป็นของแม่ยายนายสุลรรณ์
นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง สำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง ยืนยันว่า ชุดปฏิบัติการพิเศษ กรมการปกครอง ไม่เคยเรียกรับผลประโยชน์ ซึ่งหากสถานประกอบการไม่ทำผิดกฎหมายชุดปฏิบัติการพิเศษ กรมการปกครอง ไม่สามารถจับกุมหรือสั่งปิดสถานถานประกอบการได้ จึงขอให้ผู้ประกอบการอย่าหลงเชื่อบุคคลที่แอบอ้างชื่อเพื่อหวังเรียกรับผลประโยชน์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ฝ่ายปกครองจับตำรวจท่องเที่ยว เรียกรับเงินสถานบันเทิง