วันนี้ (8 ก.ค.2565) จากกรณีที่สื่อสังคมออนไลน์วิพากษ์วิจารณ์ หลังเฟซบุ๊ก ปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน เผยแพร่ข้อมูลซึ่งอ้างว่าสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาร้อยเอ็ด หรือ สพม.ร้อยเอ็ด เรียกเก็บเงินครูและนักเรียนโรงเรียนในสังกัด กว่า 40,000 คน คนละ 10 บาท เป็นเงินกว่า 400,000 บาท ซึ่งบางความคิดเห็นมองว่า แม้เป็นเงินไม่กี่บาท แต่ก็เป็นภาระผู้ปกครอง และอาจผิดระเบียบหรือไม่
ต่อมา สพม.ร้อยเอ็ด นำเอกสารออกมาชี้แจง ทั้งเอกสารการตั้งกองทุนช่วยเหลือนักเรียน ครู และบุคลากรทางการศึกษา ซึ่งก่อตั้งตั้งแต่ปี 2562 สมุดบัญชีแสดงการเบิกจ่ายเงิน โดยยืนยันว่า ดำเนินการอย่างโปร่งใส ไม่เคยเรียกเก็บเงิน แต่ขอให้โรงเรียนในสังกัดเปิดรับบริจาคเงินเข้ากองทุน เพื่อช่วยนักเรียนที่เกิดอุบัติเหตุเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล คนละ 3,000 บาท หากเสียชีวิต จ่ายช่วยเหลือคนละ 5,000 บาท เกิดภัยพิบัติ ช่วยเหลือคนละ 3,000-5,000 บาท ซึ่งครูจะเป็นเป็นผู้ทำเอกสารยื่นขอรับเงินช่วยเหลือ
ต่อมา เงินกองทุนฯ เหลือน้อยลง จึงเปิดระดมทุนตามระเบียบ ซึ่งประชุมผู้บริหารและคณะกรรมการสถานศึกษา มีมติร่วมกันทั้ง 60 โรงเรียน ให้แต่ละโรงเรียนระดมเงินบริจาคเข้ากองทุน
อย่างไรก็ตาม มีคำยืนยันจากนักเรียนและครูที่ได้รับเงินช่วยเหลือจากกองทุนนี้ว่า ไม่เคยถูกบังคับให้บริจาคเงิน และบางคนก็ไม่ได้บริจาคแต่ได้เงินช่วยเหลือ จึงมองว่าเป็นโครงการที่ดี
ทั้งนี้ ข้อมูลจาก ป.ป.ช.ร้อยเอ็ด ระบุว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น ยังไม่พบพฤติกรรมที่ส่อไปในทางทุจริต ส่วนที่ประชาชนตั้งข้อสังเกตว่าอาจมีการบังคับเรียกเก็บเงิน ยังไม่พบเรื่องร้องเรียน และหากมีการบังคับจริง ขอให้ส่งข้อมูลให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบเอาผิดผู้ที่เกี่ยวข้อง
ส่วนประเด็นที่ว่าการตั้งกองทุนช่วยเหลือฯ และระดมทุนลักษณะนี้ เป็นไปตาม พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา หรือระเบียบกฎหมายอื่นๆหรือไม่ ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบรายละเอียดให้แน่ชัด