เราเป็นนักกีฬาภูธร สนามซ้อมก็ไม่มี ทั้งเบาะ ทั้งลู่วิ่งไม่มีเลย ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมาถึงระดับโลกได้ จังหวะที่เพลงชาติขึ้นแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
กลายเป็นกระแสไวรัลเรียกเสียงชื่นชมจากโซเชียลอย่างมาก สำหรับความสำเร็จของ "สมสง่า บุญนอก" เจ้าของเหรียญทอง กระโดดไกลในการแข่งขันกรีฑาสูงอายุชิงแชมป์โลก รุ่นอายุ 65 ปี ที่เมืองแทมเปเร ประเทศฟินแลนด์ ไทยพีบีเอสออนไลน์ไม่รอช้า นัดแนะผู้จัดการทีมขอสัมภาษณ์ข้ามประเทศ เพื่อให้ทุกคนได้รู้จักกับนักกีฬารุ่นเก๋าคนนี้ให้มากขึ้น
ครูหนองบัวลำภู สู่นักกีฬาภูธร
"สมสง่า บุญนอก" หรือ ป้าปาน ในวัย 68 ปี หรือชื่อที่หลายคนเรียกจนคุ้นปากว่า แม่ครู เล่าถึงจุดเริ่มต้นก่อนจะก้าวเข้าสู่เส้นทางนักกีฬาว่า เธอคือ ข้าราชการครูโรงเรียนศรีบุญเรืองวิทยาคาร จ.หนองบัวลำภู ตั้งแต่วัยเด็กครูสมสง่า ชื่นชอบการเล่นกีฬาและออกกำลังกายมาเสมอ กระทั่งได้สวมชุดสีกากีสอนวิชาวิทยาศาสตร์ให้นักเรียน งานอดิเรกนี้ก็ห่างหายไป
กระทั่งปี 2545 เพื่อนของครูสมสง่าที่ไม่ได้พบกันนาน แต่เห็นว่าครูนั้นหุ่นยังเฟิร์ม ร่างกายยังฟิต จึงได้ชักชวนให้รู้จักกับการแข่งขันกรีฑาสูงอายุ และเป็นจุดเริ่มต้นให้ครูสมสง่าหวนกลับมาพบกับสิ่งที่ชื่นชอบอีกครั้ง
ครูสมสง่า เริ่มสมัครแข่งขันกรีฑาสูงอายุระดับจังหวัดตั้งแต่ช่วงอายุ 40 ปี และบอกกับไทยพีบีเอสออนไลน์ว่า การแข่งขันครั้งแรกหลังคืนสนามนั้นยังอยู่ในความทรงจำเสมอ เพราะเป็นปรากฏการณ์ "นักกีฬาภูธร" สู้ "นักกีฬาดีกรีอดีตทีมชาติ" แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่า "แข่งอย่างไรก็แพ้" แต่ครูสมสง่าก็สู้เต็มที่ สุดท้ายผลออกมาตามคาด แต่คำว่าท้อ ไม่เคยเกิดขึ้นในใจของ "สมสง่า บุญนอก" คนนี้
สู้ไม่เคยท้อ เหรียญทองเต็มตู้ สู่เวทีระดับโลก
การแข่งขันกรีฑาสูงอายุ ทำให้ครูสมสง่าได้ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และทำให้รู้สึกว่าได้ดูแลสุขภาพตัวเองควบคู่กันไป แม้ว่าจะเกษียณอายุราชการ ปิดฉากอาชีพครูแล้ว แต่เส้นทางนักกีฬาของครูสมสง่าค่อย ๆ เปิดกว้างขึ้นเรื่อย ๆ เธอสู้ศึกในทุกสนามที่ลงได้ ตั้งแต่ระดับจังหวัด ระดับประเทศ ไปจนถึงระดับเอเชีย กวาดเหรียญทองจากกีฬาหลายรายการจนเต็มตู้ ความสำเร็จจากความพยายามเหล่านี้กลายเป็นโอกาสสำคัญที่ทำให้สมาคมกรีฑาผู้สูงอายุไทยเลือกครูสมสง่าเป็นตัวแทนประเทศไทยร่วมแข่งขันกรีฑาสูงอายุชิงแชมป์โลก 2022
ป้าไม่มีตารางซ้อม เพราะเราไม่มีความพร้อมเรื่องสนาม ไม่มีเบาะ ไม่มีลู่ ไม่มีโค้ช เรียกว่าไม่ได้ซ้อมเลย ทำได้แค่วิ่งในสนามโรงเรียน อาศัยว่าเราไม่หยุดนิ่ง ฝึกด้วยตัวเองมาตลอด
ไม่มีสนามซ้อม งัดเทคนิควิชาวิทยาศาสตร์สู้
กีฬากรีฑา ทั้งกระโดดสูง กระโดดไกล จำเป็นต้องมีเบาะให้ซ้อม แต่เมื่อไม่มีเบาะ ครูสมสง่าก็สู้ด้วยกลยุทธ์ของตัวเอง หลักการทางวิทยาศาสตร์ที่สอนนักเรียนมาตลอดชีวิตถูกเก็บมาใช้เป็นกุญแจสำคัญในการแข่งขัน โดยเฉพาะเรื่องแรงเสียดทาน เรื่องมวล หรือโมเมนตัม
กรีฑาแพ้ชนะแค่เสี้ยววินาที หรือ 1-2 เซนติเมตร เราต้องคิดว่าทำอย่างไรถึงจะลดแรงเสียดทาน แรงต้านได้ หรือทำอย่างไรให้โมเมนตัม-ความเร็ว ส่งเรากระโดดไปได้ไกล เวลาแข่งอะไรที่มีแรงต้านอย่างแหวน กำไลก็นำออกหมด กางเกงก็ต้องเลือกให้ดีด้วย
แม้จะอ่อนซ้อม แต่ร่างกายที่สมบูรณ์พร้อม ร่วมกับเทคนิคจากองค์ความรู้ที่เชี่ยวชาญ ทำให้นักกีฬาตัวเล็กจากประเทศไทยคนนี้ ชนะคู่แข่งต่างชาติคว้าเหรียญทองมาให้ประเทศไทยได้ในที่สุด
เราตัวเล็กกว่า เขาขายาว กล้ามเนื้อเขาก็แข็งแรงกว่าเรา ทำให้ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมาได้ถึงขนาดนี้ จังหวะที่เพลงชาติขึ้นแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
เมื่อไหร่ที่ชาติต้องการ พร้อมที่จะปฏิบัติหน้าที่
ครูสมสง่า เล่าด้วยรอยยิ้มว่า หลังจากได้รับเหรียญทองแล้ว บรรดาคนรู้จักและลูกศิษย์ต่างส่งข้อความมาร่วมแสดงความยินดีจำนวนมาก บางคนที่ไม่ได้พูดคุยกันมานานก็ยังมาร่วมยินดีด้วย ลูกศิษย์บางคนถึงขนาดบอกว่า "แม่ครูดังแบบระเบิดเถิดเทิงแล้ว" ยิ่งทำให้รู้สึกภูมิใจและปลื้มใจกับความสำเร็จครั้งนี้มาก
แม้จะคว้าเหรียญทองมาได้แล้ว 1 เหรียญ แต่ในวันนี้ (9 ก.ค.2565) ครูสมสง่ายังมีโปรแกรมลงแข่งขันอีก 2 รายการ คือ วิ่งข้ามรั้ว และเขย่งกระโดด ซึ่งรายการหลังครูสมสง่าเป็นเจ้าของสถิติเอเชียอยู่ จึงมีความมั่นใจว่าจะสามารถคว้าเหรียญทองมาเพิ่มให้กับประเทศไทยได้
ก่อนจะบอกลากันทางวิดีโอคอล ครูสมสง่า ทิ้งท้ายกับไทยพีบีเอสออนไลน์ว่า หากเป็นไปได้ก็อยากจะให้มีการสนับสนุนสนามฝึกซ้อมกรีฑาที่ได้มาตรฐานในต่างจังหวัดมากขึ้น ทั้งเบาะสำหรับการฝึกซ้อม รวมไปถึงลู่ยางสำหรับวิ่ง เพราะขณะนี้ จ.หนองบัวลำภู เองก็หาสนามแทบไม่ได้ ด้วยความหวังของนักกีฬาวัย 68 ปีคนนี้ ที่อยากจะฝึกซ้อมต่อไป ไม่หยุดนิ่ง และพร้อมจะลงแข่งขันไปเรื่อย ๆ ตราบใดที่ยังได้รับโอกาส
เมื่อไหร่ที่ชาติต้องการ เราพร้อมที่จะปฏิบัติหน้าที่
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
คนแรกของไทย! "ครูสมสง่า" ซิวเหรียญทองกรีฑาสูงอายุชิงแชมป์โลก