วันนี้ (19 ก.ค.2565) พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สอบปากคำ พ.ต.อ.ราเมศ แก้วสูงเนิน ผู้กำกับการ (สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่ สน.คลองสาน ในคดีที่มีผู้เสียหายร้องเรียนว่า พ.ต.อ.ราเมศ และพวกที่เป็นพลเรือนอีก 4 คน แอบอ้างว่ามีความสนิทสนมใกล้ชิดกับ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ และสามารถช่วยเหลือทางคดีในการประกันตัวเพื่อนชาวอังกฤษ ผู้ต้องหาปลอมหนังสือเดินทาง และเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ที่ควบคุมตัวรอผลักดันส่งกลับ อยู่ภายในสถานกักกันคนต่างด้าว สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง จนผู้เสียหายหลงเชื่อ มอบเงินกว่า 6,000,000 บาท ให้กับกลุ่มผู้ต้องหา แต่ยังไม่ใด้รับการประกันตัว หรือได้รับการปล่อยตัวแต่อย่างใด
คดีนี้ผู้เสียหายติดต่อขอความช่วยเหลือเรื่องขอประกันตัวกับนายหน้าคนหนึ่ง อ้างว่า รู้จักกับ พ.ต.อ.ราเมศ ซึ่งเป็นชุดทำงาน และเป็นเพื่อนนักเรียนนายร้อยตำรวจฯ รุ่นเดียวกับ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ต่อมาผู้เสียหาย หลงเชื่อโอนเงิน 6,000,000 บาท ให้กลุ่มนี้
ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่าคดีนี้มีหลักฐานว่าในห้วงเวลาเกิดเหตุ มีพยานบุคคลยืนยันว่ากลุ่มผู้ต้องหาติดต่อและมีบัญชีเส้นทางการโอนเงินจริง จึงรวบรวมพยานหลักฐาน และออกหมายเรียกผู้ต้องหา ทั้งผู้หลอกลวง และเจ้าของบัญชีที่รับโอนเงิน รวม 5 คน ประกอบด้วย พ.ต.อ.ราเมศ, นายวิทยา สมศรีษมสกุล, นายอภิรักษ์ เที่ยงธรรม, น.ส.ณัฐนรี บุญมา และ น.ส.ทิพย์สุดา อินสองใจ โดยมี พ.ต.อ.ราเมศ ติดต่อขอเข้ามอบตัวเพียง 1 คน ส่วนที่เหลืออีก 4 คน อยู่ระหว่างติดตามตัวมาสอบสวนดำเนินคดี
เบื้องตัน ผู้ต้องหาทั้ง 5 คน จะถูกดำเนินคดีในความผิดฐานร่วมกันฉัอโกง ซึ่งจะได้มีการติดตามตัวผู้ต้องหาทั้ง 5 คน มารับทราบข้อกล่าวหาและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังเปิดเผยอีกว่า ในระยะ 3 เดือนที่ผ่านมา สั่งให้มีการดำเนินคดีกรณีมีผู้ที่เอาชื่อตัวเองไปแอบอ้างเรียกรับผลประโยชน์แล้วจำนวน 5 คดี ยืนยันว่า หากมีการนำชื่อ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ไปแอบอ้างเรียกรับผลประโยชน์ แม้ว่าผู้ที่แอบอ้างจะเป็นเพื่อน ต้องถูกดำเนินคดีทุกกรณี พร้อมฝากเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อ และสามารถตรวจสอบกับนายตำรวจติดตามของตัวเองได้ตลอดเวลา