ในวันที่ 10 ส.ค.นี้ รัฐสภา เรียกประชุมเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.
แม้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ฝ่ายกฎหมาย จะอ้างอิงว่า สามารถเรียกประชุมเป็นกรณีเร่งด่วนได้ แต่ก็มีรายงานว่า วิป 3 ฝ่าย กำหนดวันประชุมไว้เพียง 1 วัน ด้วยเจตนาที่จะนำร่างฯ ต้นฉบับ หรือร่างฯ หลักไปประกาศให้มีผลบังคับใช้แทน
หากจะฟันธงว่าวันที่ 10 ส.ค.นี้ เป็นนัดสุดท้ายก็ไม่เชิง เพราะยังคงเหลือเวลาอีก 5 วัน สำหรับการเรียกประชุมรัฐสภา เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ให้แล้วเสร็จ ตามรัฐธรรมนูญกำหนด ภายใน 180 วัน นับแต่เสนอต่อรัฐสภาไว้ เมื่อวันที่ 17 ก.พ.2565
เพราะถ้าสมาชิกรัฐสภา เล็งเห็นความสำคัญ "จำเป็น-เร่งด่วน" แม้วันหยุดราชการ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ฝ่ายกฎหมาย ยืนยันว่า สามารถเรียกประชุมพิจารณาให้แล้วเสร็จได้ หากไม่ต้องการให้ร่างกฎหมายฉบับนี้ตกไป
เว้นแต่เจตนาจะปล่อยให้ร่างกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.ฉบับที่รัฐสภา กำลังพิจารณากันอยู่นี้ตกไป เพราะมีกระแสว่า พรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคจับมือกับพรรคฝ่ายค้าน ต้องการวิธีคิดคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หรือ สูตรหารด้วย 500 กลับไปใช้สูตรหารด้วย 100 ด้วยการเลือก "ทอดเวลา" การพิจารณาร่างกฎหมายให้หลุดกรอบเวลากำหนด
หากวันที่ 10 ส.ค.นี้ องค์ประชุมล่ม ร่างกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.พิจารณาไม่แล้วเสร็จ และรัฐสภา ไม่เรียกประชุมเป็นกรณีเร่งด่วน ทอดเวลาพิจารณาร่างกฎหมายให้หลุดกรอบ ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 15 ส.ค.นั้น ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 131 ให้ถือว่า รัฐสภาเห็นชอบร่างกฎหมายฉบับเดิมที่เสนอไว้ และให้นำเข้าสู่กระบวนการประกาศใช้ได้
มีรายงานว่า สมาชิกรัฐสภาส่วนใหญ่ เห็นด้วยกับการทอดเวลาให้ร่างกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.ฉบับกรรมาธิการฯ "ตกไป" เพื่อดึงร่างฯ ฉบับของ กกต.ไปประกาศใช้ เหตุผลหนึ่งเพราะไม่เห็นด้วยกับสูตรหาร 500 แต่ไม่สามารถกลับมติได้อีก และไม่สามารถลงมติ "คว่ำ" ได้ด้วย เพราะตามขั้นตอนจะหมายถึง "เริ่มต้นเสนอร่างกฎหมายใหม่"
เมื่อเทียบกับอายุของรัฐบาลหรืออายุของสภาฯ ชุดนี้ การเริ่มต้นใหม่ อาจสุ่มเสี่ยง ไม่ทันเวลา ที่รัฐบาลครบเทอม ต้องยุบสภาและจัดการเลือกตั้ง
ดังนั้นการ "ปล่อยให้ตก" ไป จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ที่เหลืออยู่ด้วย เพราะเป็นหนทางเดียว ที่จะปิดช่อง ในการออกกฎหมายพิเศษ เพื่อจัดการเลือกตั้ง ช่วงวันที่ 22 มี.ค.ปี 2566