สนธยา บุญพรม พ่อของเฉลิมชนม์ นำภาพมาให้ผู้สื่อข่าวดู เป็นภาพที่ลูกชายถ่ายคู่ลูกสาวของเขาวัย 2 ขวบ ก่อน "เฉลิมชนม์" เสียชีวิตเพียงไม่กี่เดือนจากเหตุเพลิงไหม้ซานติก้าผับ
13 ปี ที่ผ่านมา สนธยาต้องเลี้ยงดูหลานสาวแทนลูกชายที่จากไป แม้จะไม่มีรายได้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เพราะถูกเลิกจ้างในช่วงสถานการณ์ COVID-19 แต่เขาพยายามหาเงินส่งเสียค่าเทอม ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ให้กับหลาน เขาเชื่อว่าหากลูกชายยังอยู่ คุณภาพชีวิตของครอบครัวจะดีกว่านี้
การต่อสู้ทั้งทางแพ่งและอาญากับนายวิสุข เสร็จสวัสดิ์ หรือเสี่ยขาว เจ้าของซานติก้าผับ ศาลตัดสินจำคุก 3 ปี และคดีทางแพ่งให้ชดใช้เงินกับผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ แต่จนถึงขณะนี้ครอบครัวของเขา และผู้เสียหายรายอื่น ๆ ยังไม่มีใครไหนได้รับเงิน
หวังจิตสำนึกของเสี่ยขาว จะสงสารพวกเราบ้างไหม ทั้งเจ็บปวด สูญเสีย พิการตลอดชีวิต
เช่นเดียวกับอีกครอบครัว มาลี ถนอมปัญญารักษ์ ต้องสูญเสียน้องสาวในเหตุการณ์นี้ ตั้งแต่วันเกิดเหตุจนถึงวันนี้ เขาได้รับเงินจากการฟ้องร้อง กทม. เงินเยียวยาจากหน่วยงานรัฐ และเงินเยียวยาจากเจ้าของซานติก้า ซึ่งเป็นเงินช่วยเหลือเบื้องต้น รวมประมาณ 200,000 บาท แต่ไม่เคยได้รับเงินจากการฟ้องคดีแพ่ง แม้ศาลจะตัดสินแล้ว
อยากให้ทำเป็นคดีตัวอย่าง ผู้ประกอบการ หรือเจ้าของผับจะได้นึกถึงความปลอดภัยเป็นหลัก
13 ปีของเหตุการณ์ซานติก้าผับ ยังอยู่ในความทรงจำของผู้คนทั่วไป แต่สำหรับผู้สูญเสียเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ความทุกข์ทรมานทั้งร่างกายและจิตใจ ผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์นี้บางคนสูญเสียอวัยวะ ต้องตัดมือ ไม่สามารถกลับไปทำงานได้เหมือนเดิม ทั่วทั้งร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลที่ยากจะจางหาย
เมื่อผู้สูญเสียเห็นภาพที่เกิดขึ้นในเหตุการณ์เพลิงไหม้ผับเมาท์เทนบี ที่สัตหีบ จ.ชลบุรี เป็นภาพที่ฝันร้ายที่พวกเขายังคงจดจำได้จนทุกวันนี้ นอกจากจะสะเทือนใจไปกับผู้เสียหาย พวกเขายังรู้สึกห่วงใย และต้องการเห็นความรับผิดชอบของผู้ประกอบการ เพื่อจะไม่ต้องอยู่ในสภาพที่ต้องต่อสู้ยาวนานเหมือนกับพวกเขา
13 ปีที่สูญเสีย 13 ปีที่ต้องต่อสู้ด้วยความเจ็บปวด ผู้เสียหายจากเหตุการณ์ซานติก้าทุกคน หวังให้เหตุการณ์เพลิงไหม้สถานบันเทิงที่สัตหีบเกิดขึ้นเป็นครั้งสุดท้าย รวมทั้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง และหวังว่าผู้ประกอบการจะมีความรับผิดชอบ ไม่ทอดทิ้งผู้เสียหายให้ต้องรับภาระที่เกิดจากความประมาทอย่างยากลำบากเช่นเดียวกับพวกเขา