ผลการวินิจฉัยเรื่องวาระนายกรัฐมนตรี 8 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะออกมาในทิศทางใด ย่อมส่งผลต่อการเมืองช่วงปลายรัฐบาล โดยเฉพาะหากต้องเผชิญกับความสุ่มเสี่ยง-วุ่นวายทางการเมืองก่อนเลือกตั้งในปี 2566 จึงมีการจับตามองว่าการจัดทำบัญชีโยกย้ายนายทหารประจำปี พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะ รมว.กลาโหม ต้องพิจารณาบางตำแหน่งเป็นพิเศษเพื่อเพิ่มกองหนุนหรือไม่
มีการคาดการณ์ว่า ตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหม ที่ถือเป็นตำแหน่งเชื่อมโยงระหว่างฝ่ายการเมืองกับกองทัพอาจจะวางตัว พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ รองปลัดฯ ที่ได้ชื่อว่าเป็นคนที่ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร ไว้วางใจ
ส่วนกองบัญชาการกองทัพไทย อาจปรับเปลี่ยนกันพอสมควร โดยมีกระแสข่าวว่า พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี อาจจะข้ามห้วยจากกองทัพบก มานั่งเป็นเสนาธิการทหารเตรียมเป็น ผบ.ทหารสูงสุดคนต่อไป
ส่วน พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ น่าจะยังเหนียวแน่นในตำแหน่ง ผบ.ทบ.จนเกษียณในปีหน้า แม้ตำแหน่ง ผบ.ทบ.ไม่ขยับ แต่การปรับเปลี่ยน 5 เสือ ทบ.ก็เป็นความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ โดยคาดว่า พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผู้ช่วย ผบ.ทบ. จะเป็น รอง ผบ.ทบ. และรอโอกาสเป็น ผบ.ทบ.ต่อจาก พล.อ.ณรงค์พันธ์ ในปีหน้า
ขณะเดียวกันยังมีการคาดการณ์ว่า พล.ท.สุขสรรค์ หนองบัวล่าง แม่ทัพภาคที่ 1 ก็จะขยับเป็นผู้ช่วย ผบ.ทบ. ส่วนแม่ทัพภาคที่ 1 คนใหม่ อาจจะเป็น พล.ท.ธราพงษ์ มะละคำ แม่ทัพน้อยที่ 1 ที่มาจากเส้นทางกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์
กองทัพเรือ เป็นเหล่าทัพที่ถูกจับตาตำแหน่ง ผบ.ทร.อีกครั้ง เมื่อ พล.ร.อ.สมประสงค์ นิลสมัย จะเกษียณฯ ในปีนี้ โดยมี 2 แคนดิเดต คือ พล.ร.อ.ธีรกุล กาญจนะ รอง ผบ.ทร. และ พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้ช่วย ผบ.ทร. ที่อาจจะมีโอกาสมากกว่า เพราะเป็นคนที่ พล.ร.อ.สมประสงค์ ดึงกลับมาจากกองทัพไทย ในการปรับย้ายเมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา แบบพลิกความคาดหมาย
กองทัพอากาศ ปีนี้การพิจารณา ผบ.ทอ.คนใหม่ เข้มข้น ด้วยต้องอิงคุณสมบัติสำคัญในการมาสานต่อโครงการจัดซื้อเครื่องบินขับไล่ F- 35 ตามที่ พล.อ.อ.นภาเดช ธูปะเตมีย์ ผบ.ทอ.ได้ระบุไว้ก่อนหน้านี้ จึงต้องลุ้นกันหลายคน ท้ายที่สุดแล้วจึงต้องวัดใจว่า พล.อ.อ.นภาเดช จะเลือกใครเป็นแม่ทัพฟ้าคนใหม่
ทั้งนี้ ทิศทางการแต่งตั้งโยกย้ายทหารปีนี้ จึงถูกมองว่าอ้างอิงทั้งความเคลื่อนไหวในกองทัพ และปัจจัยแวดล้อมทางการเมือง และน่าจะต้องเป็นสูตรผสมที่ลงตัวทั้งมิติความมั่นคง และการเมือง