วันนี้ (1 ก.ย.2565) สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ เปิดเผยรายงานระบุว่า มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนชาวอุยเกอร์และชาวมุสลิมอื่น ๆ อย่างร้ายแรงในซินเจียง ซึ่งผู้ตรวจสอบ ระบุว่า มีหลักฐานที่น่าเชื่อถือที่แสดงให้เห็นว่าผู้ถูกคุมขังถูกปฏิบัติอย่างทารุณ ซึ่งอาจเข้าข่ายของการก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ
นอกจากนี้ ยังระบุอีกว่า จีนใช้อำนาจกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติเพื่อปราบปรามและกักขังชาวอุยเกอร์ตามอำเภอใจ ซึ่งกลุ่มรณรงค์สิทธิมนุษยชนคาดว่ามีผู้ถูกคุมขังมากกว่า 1,000,000 คน รวมทั้งยังมีการละเมิดสิทธิด้านอื่น ๆ ซึ่งรวมถึงการวางแผนครอบครัวและการคุมกำเนิดอีกด้วย
มิเชล บาเชเลต์ ข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ระบุว่า การควบคุมตัวชาวอุยเกอร์และกลุ่มชาติพันธุ์มุสลิมอื่น ๆ ด้วยการเลือกปฏิบัติและใช้อำนาจตามอำเภอใจของจีน อาจถือเป็นการก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ พร้อมแนะนำให้รัฐบาลจีนปล่อยตัวผู้ที่ถูกคุมขังในศูนย์ฝึกอบรม เรือนจำ หรือสถานกักกันในทันที
ขณะที่ฝ่ายจีนปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา โดยระบุว่า การปราบปรามในซินเจียงดำเนินไปเพื่อป้องกันการก่อการร้ายและกำจัดลัทธิอิสลามสุดโต่ง ขณะที่ค่ายที่ตั้งขึ้นเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการให้ความรู้แก่ผู้ถูกคุมขังในการต่อสู้กับการก่อการร้าย
บาเชเลต์ที่ก่อนหน้านี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากนักการทูตและกลุ่มสิทธิมนุษยชนหลายกลุ่มว่าอ่อนข้อให้กับจีนมากเกินไป เปิดเผยรายงานฉบับนี้เพียงไม่กี่นาที ก่อนสิ้นสุดวาระ 4 ปี ของการดำรงตำแหน่งข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ
ที่มา : Reuters, BBC