วันนี้ (10 ก.ย.2565) นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า ตามที่ตนได้ทำหนังสือถึง น.ส.นภาภรณ์ ใจสัจจะ เลขาธิการวุฒิสภา เปิดเผยข้อมูลของ ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ บัวแย้ม ผู้ช่วยดำเนินงาน คณะทํางาน หรือตําแหน่งอื่น ๆ ของสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และหรือสมาชิกวุฒิสภาคนใด
ตั้งแต่เมื่อใดถึงเมื่อใด เงินเดือน ค่าเบี้ยประชุม ค่าตอบแทน และ สิทธิประโยชน์อื่น ๆ ที่ได้รับตามกฎหมายหรือระเบียบ และอยู่ในคณะกรรมาธิการชุดใด ทั้งหมดกี่ชุด และเคยร่วมประชุมหรือร่วมเดินทางไปราชการภายในประเทศและต่างประเทศกับคณะกรรมาธิการชุดใด ที่ไหนบ้าง
รับหลายตำแหน่งใน สนช.
สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ได้แจ้งผลการตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ในวงงานรัฐสภาของ ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ บัวแย้ม และ ส.ต.หญิง ปัทมา ศิริรัตน์ ในช่วงสมัยสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (31 ก.ค.2557-21 พ.ค.2562) และสมัยวุฒิสภา (11 พ.ค.2562-7 ก.ย.2565) โดยสรุปได้ดังนี้
กรณี ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ บัวแย้ม การแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งต่าง ๆ และค่าตอบแทน ไม่พบว่า มีการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ผู้เชี่ยวชาญประจำตัว สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ผู้ชำนาญการประจำตัวสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และผู้ช่วยดำเนินงานของ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
แต่เคยได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ประจำคณะกรรมาธิการการกฎหมาย กระบวนการยุติธรรม และกิจการตำรวจ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ 25 ม.ค.2561 (ไม่มีคำสั่งพ้นจากตำแหน่ง) โดยไม่มีสิทธิได้รับค่าตอบแทน
เนื่องจากเป็นตำแหน่งที่ไม่ได้กำหนดไว้ตามระเบียบรัฐสภา ว่าด้วยการแต่งตั้งบุคคลเพื่อปฏิบัติหน้าที่ อันจะเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติงานของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และกรรมาธิการของ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ พ.ศ.2557
เดินทางไปดูงานต่างประเทศ 1 ครั้ง
ส่วนเรื่องการได้รับเบี้ยประชุม ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ บัวแย้ม เข้าร่วมประชุมคณะกรรมาธิการ 2 ครั้ง โดยไม่มีสิทธิได้รับเบี้ยประชุม เคยร่วมเดินทางไปศึกษาดูงานภายในประเทศ 2 ครั้ง ครั้งแรก ระหว่างวันที่ 17-18 ก.ย.2561 จ.เชียงราย (รับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง) และครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 4-6 มิ.ย.2561 จ.ระนอง (รับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง)
ไปศึกษาดูงานต่างประเทศ 1 ครั้งคือ การร่วม เดินทางไปประชุมทวิภาคีที่สหพันธรัฐรัสเซีย-สาธารณรัฐฟินแลนด์ ระหว่างวันที่ 7-16 เม.ย.2561 (รับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง)
เคยได้รับแต่งตั้งเป็นเลขานุการ กมธ.ศาสนาฯ
เคยได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขานุการประจำคณะกรรมาธิการ การศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรมและการท่องเที่ยว สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ 16 มี.ค.2561-21 พ.ค.2562 ไม่มีคำสั่งพ้นจากตำแหน่ง เนื่องจากสิ้นสุดตามวาระของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
ทั้งนี้ ได้รับค่าตอบแทนตามระเบียบรัฐสภา ว่าด้วยการแต่งตั้งบุคคลเพื่อปฏิบัติหน้าที่อันจะเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติงานของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และกรรมาธิการของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พ.ศ.2557 ข้อ 6 ข.
กรณีแต่งตั้งบุคคล ที่เป็นข้าราชการ พนักงานหรือลูกจ้างของราชการ พนักงานส่วนท้องถิ่น หรือพนักงานรัฐวิสาหกิจ ในอัตรา เดือนละ 4,500 บาท และเข้าร่วมประชุมคณะกรรมาธิการ โดยไม่มีสิทธิได้รับเบี้ยประชุม และในสมัยวุฒิสภา (11 พ.ค.2562-7 ก.ย.2565)
เคยได้รับแต่งตั้งเป็นนักวิชาการ กมธ.กฎหมาย
ไม่พบว่ามีการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญประจำตัวสมาชิกวุฒิสภา ผู้ชำนาญการประจำตัวสมาชิกวุฒิสภา และผู้ช่วยดำเนินงานของสมาชิกวุฒิสภา แต่เคยได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง นักวิชาการประจำคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และการตำรวจ วุฒิสภา ตั้งแต่วันที่ 3 ต.ค.2562-30 ก.ย.2563 ไม่มีคำสั่งพ้นจากตำแหน่ง เนื่องจากสิ้นสุดวาระตามปีงบประมาณ
ได้รับค่าตอบแทนตามระเบียบรัฐสภา ข้อ 6 ข. กรณีแต่งตั้งบุคคลที่เป็นข้าราชการ พนักงานหรือลูกจ้างของราชการ พนักงานส่วนท้องถิ่น หรือพนักงานรัฐวิสาหกิจ ในอัตราเดือนละ 6,000 บาท เข้าร่วมประชุมคณะกรรมาธิการ 4 ครั้ง โดยไม่มีสิทธิได้รับเบี้ยประชุม
ได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษา กมธ.ศึกษาฯ
ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ประจำคณะกรรมาธิการศึกษาตรวจสอบเรื่องการทุจริต ประพฤติมิชอบและเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา ตั้งแต่วันที่ 24 ก.ย.2562-22 ส.ค.2565 ไม่มีสิทธิได้รับค่าตอบแทน เนื่องจากเป็นตำแหน่งที่ไม่ได้กําหนดไว้ตามระเบียบรัฐสภา และเข้าร่วมประชุมคณะกรรมาธิการที่จังหวัดระยอง ระหว่าง วันที่ 13-14 ก.พ.2563 (โดยรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง)
นายวัชระ กล่าวว่า ขอขอบคุณสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ที่ตอบหนังสืออย่างรวดเร็วภายใน 3 วัน นับเป็นหน่วยราชการที่มีมาตรฐานเทียบเท่าหน่วยงานของรัฐ ที่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งจะไม่พบในหน่วยงานราชการทั่วไป จากข้อมูลเบื้องต้นที่ส่งมา แม้ว่าจะบอกว่า ไม่พบว่า ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ เป็นผู้ช่วย สนช.หรือ ส.ว.ท่านใด
แต่ได้รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาและเลขานุการหรือนักวิชาการ สภาละ 2 คณะคือ สมัยสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ประจำคณะกรรมาธิการการกฎหมาย กระบวนการยุติธรรม และกิจการตำรวจ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ
และเลขานุการคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรมและการท่องเที่ยว สภานิติบัญญัติแห่งชาติ มีการเดินทางไปดูงานราชการต่างประเทศที่รัสเซียและฟินแลนด์ ระหว่างวันที่ 7-16 เม.ย.2561 ถ้าไม่ใช่บุคคลพิเศษจริง ๆ จะไม่ได้เป็นเด็ดขาด
เร่งตรวจสอบใครเป็นประธาน กมธ.ที่แต่งตั้งขึ้นมา
ต้องขอข้อมูลว่า หัวหน้าคณะเป็นใคร มีบุคคลร่วมคณะทั้งหมดกี่คน ใครเป็นคนเสนอชื่อให้ไป และเป็นผู้ติดตามสนช.ท่านใดไปปฏิบัติราชการต่างประเทศ ใช้งบประมาณเท่าไร ไปกับบริษัททัวร์ชื่ออะไร
กลับมาแล้วทำรายงาน พร้อมภาพถ่ายส่งประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติอย่างไร มีจำนวนกี่หน้า ประสบความสำเร็จในการไปดูงานต่างประเทศหรือไม่ คุ้มค่ากับงบประมาณนับล้านบาท ที่เสียไปหรือไม่
ต่อมาในสมัย ส.ว. ปัจจุบันได้รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ประจำคณะกรรมาธิการศึกษาตรวจสอบเรื่องการทุจริต ประพฤติมิชอบและเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา ยังได้เดินทางไปราชการภายในประเทศ ทั้งที่จ.เชียงราย จ.ระนอง จ.ระยอง แสดงว่ามีความสำคัญมาก
ต้องดูรายชื่อคณะกรรมาธิการที่ร่วมเดินทางทั้งหมด และผลรายงาน ภาพถ่ายการเดินทางไปปฏิบัติราชการต่างจังหวัดด้วย ซึ่งต้องทำหนังสือขอให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเปิดเผยรายละเอียดต่อไป
นายวัชระ ตั้งข้อสังเกตว่า การที่ ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ ได้สิทธิเดินทางไปราชการต่างประเทศนั้น ถ้าไม่ใช่บุคคลพิเศษของท่านผู้ทรงเกียรติจริง ๆ จะได้ไปหรือไม่ ไปสายการบินอะไร ต้องดูเลขที่นั่งบนเครื่องบิน
เธอนั่งเฟิร์สคลาสติดกับ สนช.คนใด เช็คตั๋วเครื่องบินกรุงเทพฯ-มอสโก-ฟินแลนด์-กรุงเทพฯ
ต้องดูว่า ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ เป็นผู้ติดตามของกรรมาธิการคนใด เพราะในเอกสารที่ขออนุมัติการเดินทางไปราชการต่างประเทศต่อ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติ ในขณะนั้น
หากไม่ใช่กรรมาธิการ ต้องระบุสถานะของบุคคลร่วมคณะทั้งหมดทุกคนว่า ติดตามกรรมาธิการคนใด ใครเป็นผู้เสนอชื่อในคณะกรรมาธิการให้พิจารณาอนุมัติด้วย
เชื่อว่ามีข้อมูลมากกว่านี้ แต่ข้าราชการอาจจะทำตกหล่นได้ จึงจะทำหนังสือถึงเลขาธิการวุฒิสภาสั่งการให้ผบ.กลุ่มงานตรวจสอบให้ละเอียดรอบคอบอีกครั้งหนึ่งในทุกประเด็นต่อไป อยากขอเตือนว่า การปกปิดทำลายข้อมูลหรือส่งข้อมูลเท็จ อาจนำไปสู่ศาลอาญาคดีทุจริตได้