สำนักพระราชวังบักกิงแฮมออกแถลงการณ์ พระราชพิธีพระบรมศพสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 จะจัดขึ้นที่มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ในกรุงลอนดอน ในวันจันทร์ที่ 19 กันยายนนี้ ซึ่งจะมีสมาชิกราชวงศ์ของอังกฤษและทั่วโลก รวมถึงบุคคลสำคัญ นายกรัฐมนตรีและนักการเมืองของอังกฤษเข้าร่วมในพระราชพิธีด้วย โดยหมายกำหนดการในแต่ละวันมีดังนี้
จากบ้านอันเป็นที่รักสู่เมืองหลวงของสกอตแลนด์
11 ก.ย.2565
ในเวลาท้องถิ่น 10.00 น.ของสกอตแลนด์ หรือ 16.00 น. ตามเวลาประเทศไทย หีบพระบรมศพของสมเด็จพระราชินีนาถฯ ประดิษฐานอยู่ที่โถงของ ปราสาทบัลมอรัล พระตำหนักฤดูร้อน และขบวนพระบรมศพเสด็จพระราชดำเนินไปยังพระราชวังโฮลีรูดเฮาส์ โดยรถยนต์พระที่นั่ง ใช้เวลาเดินทาง 6 ชั่วโมง เป็นระยะทางทั้งสิ้น 260 กิโลเมตร เมื่อถึงปลายทาง หีบพระบรมศพจะถูกนำไปประดิษฐานในท้องพระโรงของพระราชวังโฮลีรูดเฮาส์ เมืองเอดินเบอระ ซึ่งเป็นที่ประทับทางการของกษัตริย์อังกฤษในสกอตแลนด์
12 ก.ย.2565
สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 พร้อมด้วยสมเด็จพระราชินีคามิลลา เสด็จพระราชดำเนินโดยเครื่องบินพระที่นั่ง ไปยังเมืองเอดินเบอระในช่วงบ่าย เพื่อเข้าร่วมพระราชพิธีเคลื่อนหีบพระบรมศพ ของสมเด็จพระราชินีนาถฯ จากพระราชวังโฮลีรูดเฮาส์ไปยัง วิหารเซนต์ ไจลส์ ในเอดินเบอระ
และพระบรมศพจะประดิษฐานอยู่ที่วิหารดังกล่าว เป็นเวลา 24 ชั่วโมง เพื่อให้พสกนิกรได้เข้าถวายสักการะพระบรมศพ ในการนี้ นางนิโคลา สเตอร์เจียน นายกรัฐมนตรีของสกอตแลนด์ จะได้เข้าเฝ้ากษัตริย์พระองค์ใหม่ที่พระราชวังโฮลีรูดเฮาส์และเข้าร่วมพิธีทางศาสนาในช่วงค่ำด้วย
กลับสู่ครอบครัวและประชาชนอันเป็นที่รัก
13 ก.ย.2565
เจ้าฟ้าหญิงแอนน์ พระราชกุมารี (พระธิดาในสมเด็จพระราชินีนาถฯองค์โต) จะทรงเป็นผู้อัญเชิญหีบพระบรมศพจากวิหารเซนต์ไจล์สไปยังท่าอากาศยานเอดินบะระ เพื่อขึ้นเครื่องบินพระที่นั่งไปยังสนามบินของกองทัพอากาศในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ จากนั้นจะอัญเชิญหีบพระบรมศพไปยังพระราชวังบักกิงแฮม โดยมี สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 และสมเด็จพระราชินีคามิลลาเฝ้ารอรับพระบรมศพที่นั่น
เนื่องจาก ในช่วงเช้าก่อนที่พระบรมศพจะมาถึงกรุงลอนดอน สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 และสมเด็จพระราชินีคามิลลา จะทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจแรกในไอร์แลนด์เหนือ โดยที่นายคริส ฮีตัน-แฮร์ริส รัฐมนตรีว่าการไอร์แลนด์เหนือ และผู้นำพรรคการเมืองต่างๆ จะเข้าเฝ้าฯ เพื่อกล่าวถวายความอาลัยแด่สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ด้วย
จากนั้น สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 และสมเด็จพระราชินีคามิลลา จะทรงร่วมพิธีสวดภาวนา ก่อนเสด็จพระราชดำเนินกลับมายังกรุงลอนดอนเพื่อเฝ้ารอรับพระบรมศพที่นั่น
14 ก.ย.2565
เวลา 14.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ขบวนพระบรมศพจะเคลื่อนจากพระราชวังบักกิงแฮมไปยังมหาวิหารเวสต์มินส์เตอร์ โดยมี สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ทรงเป็นผู้นำขบวนพระบรมศพ ในการนี้พสกนิกรทั่วไปสามารถเฝ้ารอชมขบวนพระบรมศพได้ตามสองข้างทาง คาดว่าจะใช้เวลา 40 นาที ในพระราชพิธีเคลื่อนขบวนพระบรมศพ
เมื่อพระบรมศพประทับยังมหาวิหารเวสต์วินส์เตอร์แล้ว อาร์คบิชอปแห่งแคนเทอร์เบอรีซึ่งเป็นผู้นำของศาสนจักรอังกฤษจะประกอบพิธีทางศาสนา โดยมีสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 และพระบรมวงศานุวงศ์เข้าร่วม ก่อนจะเปิดให้พสกนิกรเข้าถวายสักการะพระบรมศพในวันถัดไป
15-18 ก.ย.2565
การเปิดให้พสกนิกรเข้าถวายสักการะพระบรมศพเป็นเวลา 4 วันเต็ม ในห้องโถงใหญ่ของมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ โดยขั้นตอนนี้ถือเป็นรัฐพิธีประดิษฐานพระบรมศพ (Lying-in-state)
19 ก.ย.2565
จัดขบวนเชิญหีบพระบรมศพเสด็จพระราชดำเนินยังมหาวิหารเวสต์มินส์เตอร์ เพื่อประกอบพระราชพิธีพระบรมศพ โดยรัฐบาลกำหนดให้วันนี้เป็นวันหยุดราชการ
กษัตริย์และราชวงศ์จากทั่วโลกจะเสด็จพระราชดำเนินมาร่วมพระราชพิธี รวมทั้งมีนายกรัฐมนตรี นักการเมืองคนสำคัญเข้าร่วมด้วย
หลังพระราชพิธีในมหาวิหารเวสต์มินส์เตอร์เสร็จสิ้น หีบพระบรมศพจะถูกนำขึ้นรถยนต์พระที่นั่ง มุ่งหน้าไปยัง พระราชวังวินด์เซอร์ และหีบพระบรมศพจะประดิษฐานที่ โบสถ์เซนต์จอร์จ ภายในบริเวณของพระราชวังวินด์เซอร์
นับจากวันเสด็จสวรรคตจนถึงวันที่ 19 ก.ย.2565 นับเป็นเวลา 10 วันแห่งการประกาศไว้ทุกข์ของประเทศอังกฤษและประเทศในเครือสหราชอาณาจักร ภายใต้ชื่อปฏิบัติการ Operation London Bridge ซึ่งประกอบด้วย Operation Unicorn (การเคลื่อนพระบรมศพในสกอตแลนด์) และ Operation Spring tide (พระราชกรณียกิจของกษัตริย์พระองค์ใหม่)
เป็นพระราชพิธีที่เรียบง่าย กระชับ แต่ศักดิ์สิทธิ์ และเป็น 10 วันของการเสด็จพระราชดำเนินครั้งสุดท้ายของเดอะ ควีน สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ผู้เป็นที่รักของประเทศอังกฤษและประเทศในเครือสหราชอาณาจักร รวมถึงคนทั้งโลก ที่มีจุดหมายปลายทางสุดท้ายคือ ได้ประทับเคียงข้างกับครอบครัวอันเป็นที่รักของพระองค์เอง
ที่มา : www.royal.uk