วันนี้ (13 ก.ย.2565) หลัง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย เข้าให้การแก่คณะกรรมการการเลือกตััง (กกต.) ในการไต่สวนกรณีคำร้องพรรคเล็กรับเงินจากพรรคพลังประชารัฐ โดยอ้างอิงว่า เข้าข่ายการครอบงำพรรคเล็ก ซึ่งมีโทษถึงขั้นยุบพรรคการเมืองที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีอย่างน้อย 6 พรรค ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองมาตรา 20 และเห็นว่า เป็นการดีที่ตำรวจได้รับผิดชอบคำร้องนี้ในการไต่สวน ซึ่งจะทำให้การสอบสวนเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
พร้อมชี้พฤติการณ์ของพรรคเล็กที่อยู่กับพรรครัฐบาลพรรคพลังประชารัฐ และได้รับผลประโยชน์ตอบแทนเป็นรายเดือน ทั้งคนในพรรคตัวเองและพรรคอื่น
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ยอมรับว่า ยังไม่มีหลักฐานชี้ชัดแต่มีข้อมูลว่า มีการโอนเงินและมีการเซ็นรับ รวมถึงการระบุเลขบัญชีธนาคารชัดเจนและมีคลิปการยอมรับแล้ว
โดยได้กล่าวถึงรายชื่อปรากฏในเอกสารเซ็นลายมือชื่อที่อ้างว่า เป็นการเซ็นรับเงินว่า มี ส.ส. 7 คน ที่เซ็น แต่เท่าที่เห็นมี ส.ส.คนเดียวที่อภิปรายในสภาฯ คือ นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.พรรคพลังธรรมใหม่ และท้วงติงว่าเป็น ส.ส.มีหน้าที่ออกกฎหมายแต่ไม่รู้กฎหมาย
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ย้ำความมั่นใจในการทำหน้าที่ของหัวหน้าพนักงานสอบสวนคำร้อง เชื่อว่าจะนำไปสู่การยื่นศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรคพลังประชารัฐตามคำร้องแน่นอน ซึ่งมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นหัวหน้าพรรค และมี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เป็นเลขาธิการพรรคในขณะนั้น เชื่อว่ามีส่วนรู้เห็นในฐานะเจ้าของพื้นที่มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด แต่จะช้าเร็วก็อยู่ที่ กกต. ทั้งนี้ ก็ได้มีการยื่นร้องต่อ ป.ป.ช.ในการตรวจสอบเช่นกัน
ขณะที่ รศ.สมชัย ศรีสุทธิยากร สมาชิกพรรคเสรีรวมไทย ชี้แจงขั้นตอนว่า ในการเข้าให้ถ้อยคำวันนี้ในฐานะ 1 ใน 2 ผู้ร้องซึ่งอีกคนหนึ่ง คือ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการ สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เชื่อว่า หลังจากนี้ กกต.จะเรียกผู้ถูกร้องเข้ามาให้ถ้อยคำด้วย
ขณะเดียวกัน กกต.ได้ทำหนังสือไปยังธนาคารทุกแห่งในการตรวจสอบเส้นทางการเงินที่มีการเซ็นเอกสารรับเงิน เรียกร้องให้ กกต.เร่งตรวจสอบและส่งศาลรัฐธรรมนูญก่อนการเลือกตั้งครั้งต่อไปจะเกิดขึ้น ซึ่งหากละเว้นอาจจะเข้าข่ายช่วยพรรคการเมือง ผิดตามประมวลกฎหมายอาญา