กระทรวงการต่างประเทศจีน เปิดเผยผ่านแถลงการณ์ว่า ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง มีกำหนดการเดินทางเยือน คาซัคสถาน และ อุซเบกิสถาน ตั้งแต่วันที่ 14-16 ก.ย. 2565 ในการประชุมสุดยอดองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (SCO) ณ เมืองซามาร์กันต์ ประเทศอุซเบกิสถาน ซึ่งเป็นเจ้าภาพในการประชุมครั้งนี้
สำนักข่าว Bloomberg รายงานเพิ่มเติมว่า การเดินทางของ ปธน. สี ในครั้งนี้ถือเป็นการเดินทางออกนอกประเทศจีนเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน มกราคม 2563 หลังจากที่ ปธน. สี เป็นผู้นำเพียงคนเดียวในกลุ่ม G20 ที่หลีกเลี่ยงการเดินทางออกนอกประเทศ เนื่องจากการระบาดของโควิด-19
องค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (Shanghai Cooperation Organisation หรือ SCO) มีอีกชื่อว่า กติกาเซี่ยงไฮ้ เป็นองค์การการเมือง เศรษฐกิจ และการทหาร ระหว่างทวีปที่ใหญ่ที่สุดตามด้านภูมิศาสตร์และประชากร ก่อตั้งใน ค.ศ. 1996 มีสมาชิก 9 ประเทศ ได้แก่ จีน คาซัคสถาน คีร์กีซสถาน รัสเซีย ทาจิกิสถาน อุซเบกิสถาน อินเดีย ปากีสถาน อิหร่าน
ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศจีน ปฏิเสธที่จะให้คำตอบ ว่า ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน จะพบปะกับ นายวลาดีเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย หรือ นายนเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย หรือไม่ ในระหว่างการประชุมสุดยอดขององค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (SCO) ซึ่งจะจัดขึ้นในสัปดาห์นี้
การพบปะกันระหว่าง 2 ผู้นำโลก รัสเซีย-จีน เกิดขึ้นครั้งล่าสุดเมื่อเดือน ก.พ. 2565 ที่งานโอลิมปิกฤดูหนาวในประเทศจีน ไม่กี่วันก่อนที่รัสเซียจะเริ่มต้นการทำสงครามกับยูเครน แต่หลังจากนั้นก็มีการติดต่อกันทางโทรศัพท์ตลอดมา โดยการพูดคุยกันผ่านโทรศัพท์ครั้งล่าสุดที่มีการรายงานคือ วันที่ 15 มิ.ย. ที่ผ่านมานี้ เป็นการอวยพรวันเกิดของ ปธน. สี นั่นเอง
สำนักข่าว South China Morning Post วิเคราะห์การเดินทางไปเอเชียกลางของ ปธน. สี ในครั้งนี้ว่า นี่ไม่ใช่การปรากฏตัวต่อโลกเพื่อแสดงความยิ่งใหญ่ของประเทศจีน แต่เป็นการพยายามแสดงอำนาจของตัวเองให้เวทีการเมืองของจีนเห็น ก่อนที่จีนจะมีการจัดการประชุมสมัชชาใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในเดือนตุลาคมนี้
การประชุมสมัชชาใหญ่ดังกล่าว จัดขึ้นทุก 5 ปี สิ่งที่น่าจับตามองอยู่ที่ ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง มีแนวโน้มที่จะเป็นผู้นำประเทศจีนต่อเป็นสมัยที่ 3 นี่ถือเป็นการท้าทายธรรมเนียมปฏิบัติดั้งเดิมที่บัญญัติในรัฐธรรมนูญของจีน ว่าประธานาธิบดีแต่ละคนสามารถดำรงตำแหน่งผู้นำแดนมังกรได้เพียง 2 สมัย รวมทั้งสิ้น 10 ปีเท่านั้น
แต่ก็มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญจนนำไปสู่การยกเลิกข้อจำกัดวาระการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2561
ที่มา :องค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ - วิกิพีเดีย (wikipedia.org)
www.infoquest.co.th
www.scmp.com