วันนี้ (16 ก.ย.2565) สำนักข่าวต่างประเทศ South China Morning Post รายงานถึงบทวิเคราะห์ของ นาย เน็ด ไพรซ์ (Ned Price) โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา
ปูติน ยอมรับกับ สี ว่า มีความกังวลกับสถานการณ์ของรัสเซียในยูเครน
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แสดงความคิดเห็นการพบกันอีกครั้งของ 2 ผู้นำประเทศมหาอำนาจโลก สี จิ้นผิง-วลาดิเมียร์ ปูติน หลังจากการพบกันครั้งล่าสุดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
“ตั้งแต่เริ่มต้นการประชุม สิ่งที่น่าจับตามอง คือการยอมรับของ ปธน.ปูติน เรื่องความกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามของ รัสเซียกับยูเครน ซึ่งก็เป็นไปตามที่สื่อหลายสำนักคาดการณ์” นายไพรซ์ กล่าวไว้เมื่อวันที่ 15 ก.ย.2565 ที่ผ่านมา
ระหว่างการประชุม กับ ประธานาธิบดีสี ในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ประธานาธิบดีปูติน กล่าวว่า เขาเข้าใจว่าจีนมี “คำถามและข้อกังวล” เกี่ยวกับจุดยืนของมอสโก ซึ่งเกี่ยวโยงกับความไม่สงบที่อาจเกิดขึ้นในปักกิ่ง ส่วนหนึ่งมาจาก การที่ยูเครนประกาศชัยชนะในการยึดพื้นที่เมืองอิเซียม (Izium) และอีกหลายพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงเหนือกลับมาได้จากกองกำลังทหารของรัสเซียในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาได้
ไม่น่าแปลกใจที่ ปธน.สี จะแสดงความกังวล แต่ค่อนข้างแปลกที่ ปธน.ปูติน จะยอมรับและเป็นการยอมรับอย่างเปิดเผย
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวอีกว่า ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา จีนพยายามหลีกเลี่ยงการวิพากษ์วิจารณ์ถึงการรุกรานของรัสเซีย และสหรัฐฯ ไม่พบหลักฐานใดๆ เลยว่าจีนให้ความสนับสนุนทางการทหารแก่รัสเซีย
ทางการสหรัฐฯ ยังคงจับตามองถึงการพัฒนาความสัมพันธ์ที่ “ไม่มีขีดจำกัด” ตามที่ 2 ผู้นำ สี-ปูติน เคยให้คำมั่นต่อกันไว้ ว่า ท่ามกลางการกดดันจากประเทศตะวันตกที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ความสัมพันธ์ของทั้ง 2 จะพัฒนาไปทางใด
ตามการรายงานของสำนักข่าวต่างประเทศ Xinhau ระบุว่า ในการประชุมเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ปูติน บอกกับ สี ว่า “ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของเรา กับสถานการ์ของยูเครน เป็นเรื่องที่รัสเซีย ให้ความสำคัญอย่างที่สุด” ผู้นำรัสเซียพยายามอธิบายจุดยืนของรัสเซีย ในประเด็นที่สืบเนื่องจากความกังวลของจีน
ขณะที่ สี ยืนยันกับ ปูติน ว่า “จีนยังพร้อมสนับสนุนอย่างเต็มที่ต่อรัสเซีย” จีนไม่เคยประณาม รัสเซีย ที่ยกกองทัพบุกโจมตียูเครน และไม่เคยใช้คำว่าเป็นการรุกราน รวมทั้งยังซื้อน้ำมันและแก๊สจากรัสเซียมากขึ้น ซึ่งช่วยทดแทนให้กับรัสเซีย หลังถูกชาติตะวันตกรุมคว่ำบาตร แต่จีนเองก็ยังเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก และระมัดระวังที่จะไม่ให้การสนับสนุนทางด้านอาวุธแก่รัสเซีย ซึ่งอาจทำให้ชาติตะวันตกหันมาคว่ำบาตรเศรษฐกิจของจีนด้วย
สหรัฐฯ ประเมินว่า การพบกันของผู้นำจีนและรัสเซียครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสายสัมพันธ์ที่ทำให้สหรัฐฯ กังวล เนื่องจากก่อนหน้านี้ ปูติน เคยระบุถึงสหรัฐฯ ว่า การพยายามในการสร้างโลกที่มีขั้วเดียวของสหรัฐฯ ต้องล้มเหลว
ที่มา : www.scmp.com/news/china/
www.xinhua.com
www.cnn.com