วันนี้ (22 ก.ย.2565) ศาลคดีเขมรแดง ในกรุงพนมเปญ ของกัมพูชา ได้พิพากษายกคำร้องอุทธรณ์โทษ ครั้งที่ 3 ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายของ นายเขียว สัมพัน อายุ 91 ปี อดีตประมุขแห่งรัฐของกัมพูชา ภายใต้การปกครองของเขมรแดง และแกนนำระดับสูงคนสุดท้ายของเขมรแดงที่ยังมีชีวิต
โดยให้ยืนโทษตามคำตัดสินจำคุกตลอดชีวิตก่อนหน้านี้ ตามความผิดฐานก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ ถือเป็นการพิพากษาคดีสุดท้ายของศาลแห่งนี้ ซึ่งทำหน้าที่นานกว่า 16 ปี เพื่อดำเนินคดีผู้นำเขมรแดง ในเหตุการณ์การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวเขมรประมาณ 2 ล้านคน เมื่อปี 2518-2522
นายทรงฤทธิ์ โพนเงิน ผู้เชี่ยวชาญประเทศลุ่มน้ำโขง เล่าย้อนถึงการตั้งศาลคดีเขมรแดง ในรายการ Newsroom Daily รายการออนไลน์ของไทยพีบีเอสว่า เป้าหมายของการตั้งศาลคดีเขมรแดง มีนัยยะทางการเมืองตั้งแต่แรก ไม่ได้ต้องการผดุงความยุติธรรมให้กับผู้สูญเสียแม้แต่น้อย
เป็นวิธีการฟอกตัวเองของ ฮุน เซน กับ เจ้านโรดม รณฤทธิ์ ในขณะที่มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ว่าทั้ง 2 คน ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเขมรแดง เพื่อลงสนามเลือกตั้ง ทั้งที่ฮุนเซน เป็นเขมรแดง และเจ้านโรดม รณฤทธิ์ จับมือกับเขมรแดงตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น
ฮุน เซน ตั้งศาลพิเศษขึ้นมาจากสหประชาชาติ โดยไม่ใช้ศาลอาญาระหว่างประเทศ เพราะถ้าเป็นศาลอาญาระหว่างประเทศ จะอยู่นอกเหนือการควบคุมของ ฮุนเซน และ เจ้านโรดม รณฤทธิ์ ซึ่งศาลพิเศษถูกตั้งขึ้นในกัมพูชา
การตั้งศาลคดีเขมรแดงใช้เวลายาวนานหลายปี ในระหว่างนั้นมีการตั้งคณะตุลาการ 3 ชุด โดยชุดสุดท้ายเป็นชุดกลั่นกรองพยานหลักฐาน
ในห่วงเวลานั้น ทุกคนตั้งข้อสังเกตถึงระยะเวลาการเก็บหลักฐาน ที่จำกัดแค่ปี 2518 ช่วงเขมรแดงยึดอำนาจ และหลังเดือน ม.ค. 2522 เป็นช่วงสิ้นสุดอำนาจของเขมรแดง
นายทรงฤทธิ์ ระบุว่า การกำหนดช่วงเวลาดังกล่าว ส่งผลให้ ฮุน เซน และประเทศมหาอำนาจ (จีน สหรัฐฯ) รอดตัว และฮุน เซน ได้ข้ออ้างว่า หนีจากเขมรแดงตั้งแต่ปี 2520
ฮุน เซน ฟอกตัวเรียบร้อย แต่คนจะเชื่อหรือเปล่า