วันนี้ (17 ต.ค.2565) รศ.วรศักดิ์ มหัทธโนบล อดีต ผอ.ศูนย์จีนศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงสุนทรพจน์ของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในพิธีเปิดการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 20 ณ มหาศาลาประชาคม กรุงปักกิ่ง โดยระบุว่า รายงานฉบับนี้ได้เน้นย้ำเรื่องอำนาจอธิปไตย โดยเฉพาะของไต้หวัน ซึ่งแตกต่างจากรายงานในการประชุมสมัชชาใหญ่ฯ ก่อนหน้านี้ รายงานครั้งนี้ สี จิ้นผิง เน้นย้ำเป็นพิเศษว่าจีนจะไม่ตัดเงื่อนไขการใช้กำลังจัดการกับไต้หวัน
การสื่อสารครั้งนี้ สี จิ้นผิง ต้องการสื่อสารไปยังสหรัฐฯ โดยตรง
รศ.วรศักดิ์ มองว่า หลัง สี จิ้นผิง ขึ้นเป็นประธานาธิบดีวาระที่ 3 จะมีความแข็งกร้าวมากขึ้นในประเด็นปัญหาไต้หวัน ซึ่ง สี จิ้นผิง จะต้องแสดงให้ประชาชนเห็นถึงความเข้มแข็งและเด็ดขาดเกี่ยวกับปัญหาไต้หวัน หลังต้องนั่งเก้าอี้ผู้นำต่ออีก 5 ปี
หลังจากนี้ระดับการเผชิญหน้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนจะมีมากขึ้นหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับปฏิกิริยาของสหรัฐฯ ถ้าอนาคตสหรัฐฯ ทำเรื่องใดคล้าย ๆ กรณีของแนนซี เพโลซี ก็อาจจะได้เห็นการตอบโต้กลับของจีน
รศ.วรศักดิ์ กล่าวว่า สิ่งที่น่าติดตามจากการประชุมครั้งนี้ คือใครจะเป็นสมาชิกกรมการเมือง (โปลิตบูโร) ซึ่งไม่สามารถคาดเดาได้ว่า จะมีจำนวนสมาชิกเท่าไหร่ ย้อนไปเมื่อประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 19 มีสมาชิกกรมการเมือง 25 คน และคัดเลือกสมาชิกคณะกรรมการถาวรกรมการเมือง (Politburo Standing Committee: PSC) ซึ่งมีอำนาจตัดสินใจทางการเมืองสูงที่สุดในประเทศ 7 คน
ทั้งนี้ ตำแหน่งสมาชิกคณะกรมการเมืองถาวร (PSC) เป็นตำแหน่งที่มีจำนวนสมาชิกไม่แน่นอน เช่น ปัจจุบันมีอยู่ 7 คน บางสมัยมี 5 คน และบางสมัยมี 9 คน จำนวนสมาชิกจะต้องเป็นเลขคี่ เพื่อให้การลงคะแนนเสียงในการประชุมฉุกเฉินมีจำนวนไม่เท่ากัน
อย่างไรก็ตาม หากสมาชิกกรมการเมืองยังมีจำนวน 25 คน และสมาชิกคณะกรมการเมืองถาวร 7 คน สิ่งที่ต้องจับตาดูคือ มีคนใหม่กี่คน คนเก่ากี่คน และแต่ละคนคือใคร เพราะจะทำให้รู้ว่ามีภูมิหลังอย่างไร และมีปฏิสัมพันธ์กับ สี จิ้นผิง อย่างไร
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
"สี จิ้นผิง" เปิดประชุมสมัชชาฯ จีน ย้อนผลงาน 10 ปี - แผนในอนาคต คาดนั่ง ปธน. สมัย 3
“สี จิ้นผิง” เปิดประชุมสมัชชา ชูโควิดเป็นศูนย์ รวมชาติจีน-ไต้หวันโดยสันติ