พล.อ.เจ้ายอดศึก ประธานสภาเพื่อการกอบกู้รัฐฉาน (The Restoration Council of Shan State ; RCSS) และผู้นำทหารสูงสุดของกองกำลัง SSA ถือว่าเป็นผู้นำกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีบทบาทสำคัญและยิ่งเห็นความสำคัญมากขึ้นเมื่อวันที่ 10 ต.ค.2565 ที่ผ่านมา
สภาเพื่อการกอบกู้รัฐฉานได้ออกแถลงการณ์ มีใจความสรุปว่า RCSS หรือกลุ่มรัฐฉานใต้ ที่ พล.อ.เจ้ายอดศึก เป็นผู้นำอยู่นั้น จะทำหน้าที่เป็นผู้นำในการเจรจากับกองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ เป้าหมายเพื่อให้ประชาชนรัฐฉานที่ได้รับความเดือดร้อนจากความยากจนและภัยจากการสู้รบนั้น มีสถานะที่ดีขึ้น
นั่นหมายความว่า การเจรจากับรัฐบาลเมียนมา โดย พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย จะต้องมีการปรับเปลี่ยนไปพอสมควร จะเปลี่ยนไปมากน้อยขนาดไหน และทิศทางเจรจาครั้งล่าสุดจะพอมีความหวังที่จะนำไปสู่สันติภาพในเมียนมา ในรัฐฉานได้มากขนาดไหน มีคำตอบจาก พล.อ.เจ้ายอดศึก สัมภาษณ์รายการ ตอบโจทย์ วันที่ 17 ต.ค.2565 ดังนี้
ก่อเขต : แถลงการณ์ของ RCSS ในวันที่ 10 ต.ค.2565 มีที่มาอย่างไร ก่อนหน้านั้นที่ได้ไปพบกับ มิน อ่อง หล่าย มีการเจรจากันในเดือน พ.ค. และ เดือน ส.ค. ต่อเนื่อง ก.ย. ที่ผ่านมา 2 ครั้งนั้น มีความสำคัญอย่างไรที่ทำให้เกิดการพูดคุยครั้งล่าสุด และแถลงการณ์ครั้งล่าสุดนี้
พล.อ.เจ้ายอดศึก : ดูสถานการณ์ในรัฐฉานก็ดี ในสหภาพทั้งหมดก็ดี ตั้งแต่ต่อสู้กันมาระยะเวลา 63-64 ปี ปัญหาที่ยึดอำนาจครั้งนี้รุนแรงขึ้น ถ้ารุนแรงขึ้นแบบนี้ ก็มองเห็น 3 ประการ
1. ประชาชนเดือดร้อน ประชาชน เด็กเล็ก คนแก่ ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ก็กระทบไปด้วย หนีสงครามไปที่ไหนก็ลำบาก ความช่วยเหลือจากด้านนอกก็เช้าไม่ถึง มีแต่ประชาชนที่ช่วยเหลือกันเอง ผมคิดว่าระยะเวลาที่รบกันมา 50-60 ปีนี้ ไม่เห็นแก้ปัญหาอะไรเลย ชาติล่มจมมันน่ากลัว
2. โรคโควิด-19 ก็มาลงที่ประชาชน ประชาชนที่ไม่ได้รับการรักษาก็มีเยอะแยะมากมาย ไม่สมควรตายก็ตาย นี่ก็กระทบประชาชน
3. เศรษฐกิจ ประชาชนทำไร่ทำนา เพราะรัฐฉานเป็นเมืองทำไร่ทำนา ทำขึ้นมาก็ไม่มีตลาดขาย ประเทศจีน ไทย อินเดีย ปิดทั้งหมดเลย ขายที่ไหนก็ไม่ได้
ผมก็คิดว่าเขาต้องเปลี่ยนแปลงแล้ว ถ้าไม่เปลี่ยนแปลงความคิดและการกระทำ มันจะเสียทั้งหมด
ก่อเขต : เขาที่จะต้องเปลี่ยนแปลงความคิด เขา หมายถึงใคร
พล.อ.เจ้ายอดศึก : คนที่ถืออาวุธทั้งหมดเลย ใม่ว่ากองทัพพม่า หรือ กองทัพกลุ่มชาติพันธุ์ ในสหภาพพม่าทั้งหมด ถ้ายังใช้วิธีแบบเก่าๆ ผมว่าจะเสียทั้งคู่ ผลก็เลยประกาศไว้ 4 เดือน โดย 4 เดือนนี้ ผมจะส่งหนังสือให้ทุกกลุ่ม เมื่อหนังสือไปแล้วก็จะส่งตัวแทนไปเจรจาทุกกลุ่ม ผมวาง Roadmap ไว้ 2 ขั้น คือ
1. จะประกาศแถลงการณ์ให้ทุกกลุ่มรับทราบ ให้ประชาชนรับทราบ ถ้าทุกคนรับทราบ คนที่สนับสนุนก็น่าจะมี คนที่ไม่เห็นด้วยก็น่าจะมี คนที่คิดไม่ถึงว่าจะทำอะไรก็น่าจะมี เพื่อกระตุ้นความคิดขึ้นมาก่อน
2. จะส่งหนังสือให้ทุกกลุ่ม ถ้าหนังสือถึงพวกเขาแล้ว เขาจะคิดยังไง ถ้าเขาสนใจ เขาจะตอบรับมา ว่าสนใจ อยากเจรจา อยากรู้ความคิดของผม จะทำอย่างไรต่อ ถ้าสนใจ ผมไม่บอกให้เขามาหาผม ผมจะส่งตัวแทนไปหาพวกเขาทุกกลุ่มเอง
ก่อเขต : ทุกกลุ่มนี่หมายถึง กลุ่มที่ลงนามหยุดยิง NCA (สัญญาสงบศึกแห่งชาติ (Nationwide Ceasefire Agreement)) และกลุ่มที่ไม่ลงนามด้วย?
พล.อ.เจ้ายอดศึก : ส่วนใหญ่ ผมเน้นเฉพาะกลุ่มที่รัฐฉานก่อน เมื่อรัฐฉานครบถ้วนแล้ว ค่อยไปกลุ่มอื่น
ก่อเขต : ก่อนหน้านี้ RCSS ก็เป็นแกนในการร่วมประชุมกลุ่มชาติพันธุ์ กองกำลังต่างๆ มาตลอด ครั้งนี้ พล.อ. เจ้ายอดศึก เห็นว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรไหม เพราะการพูดคุยกันเพื่อจะร่วมกันทำอะไรต่างๆ มันก็เกิดขึ้นหลายครั้งแล้ว แต่ก็ไม่เป็นรูปธรรมเสียที ครั้งนี้มีอะไรที่จะแตกต่างจากที่ผ่านมาหรือไม่
พล.อ.เจ้ายอดศึก : การเจรจาที่ผ่านมา ระยะเวลา 5-6 ปีนี้ วิธีการเจรจากัน เหมือนการโต้เถียงกันเอง ไม่ใช่วิธีเจรจา หลักการของใครของมัน จุดยืนของใครของกัน ไม่ยอมเข้าหากัน สุดท้ายไม่มีการเจรจา มันเป็นแบบนั้น เลยไม่มีความก้าวหน้า ครั้งนี้เราต้องเอาประเทศและประชาชนเป็นที่ตั้ง ตอนนี้เป็นโลกโลกาภิวัตน์ โลกดิจิทัล ปิดประตูตีแมวไม่ได้แล้ว
ก่อเขต : ถ้ามองฝ่ายของเมียนมา พล.อ.มิน อ่อง หล่าย เมื่อ พล.อ.เจ้ายอดศึก ไปเจอและคุยกันหลายครั้ง แนวโน้มของ มิน อ่อง หล่าย มีความเปลี่ยนแปลงอะไร หรือเมียนมายังคงเป็นเมียนมาแบบที่กลุ่มชาติพันธุ์ได้เจอมาตลอด
พล.อ.เจ้ายอดศึก : ผมดูสถานการณ์ สหภาพเมียนมาครั้งนี้ รุนแรงที่สุด ผมติดตามมาตั้งแต่สมัย เนวิน และ ตัน ฉ่วย สหภาพเมียนมาตั้งแต่รับเอกราชเมื่อปี 1948 มีแต่ชาวเมียนมากันเองที่ยึดอำนาจกันเองทั้งนั้น กลุ่มชาติพันธุ์ไม่ได้ไปยึดอำนาจเลย แต่การยึดอำนาจแต่ละครั้ง ครั้งที่รุนแรงที่สุดคือครั้งนี้ เพราะมันเกิดมาจากการเมือง การเลือกตั้งที่พรรค NLD เป็นฝ่ายชนะ อีกฝ่ายแพ้ กองทัพก็ไม่ยอมรับ บอกว่า NLD โกงการเลือกตั้ง ผมก็คิดแล้วว่าถ้าเป็นแบบนั้น ก็จะยุ่งแล้วนะ จริงๆ แล้วพวกเขาควรจะยอมนั่งคุยกัน
มิน อ่อง หล่าย เองหลังจากยึดอำนาจแล้วก็รู้สึกว่าเขาจะเสียใจอยู่ เขาไม่นึกว่าเหตุการณ์จะรุนแรงขนาดนี้ จากการคาดการณ์ของผมเองคนเดียว เพราะสถานการณ์นั้นเขาควบคุมยากมาก เขาไม่นึกไม่ฝันว่าประชาชนจะมาจับปืนต่อสู้ขนาดนี้ ครั้งนี้ไม่เหมือนการประท้วงครั้งแรก ประชาชนลุกมาเรียกร้องเยอะ เรียกร้องนานานชาติ อาเซียน แต่ไม่มีประเทศไหนสนใจเลย ประชาชนเลยคิดว่า ปืนต่อปืน ต้องสู้กันแล้ว ก็มีแนวคิดสร้างกลุ่มกองกำลังประชาชน (PDF) ขึ้นมา แล้ว PDF ก็มีหมดทุกพื้นที่ ทำปืน ทำระเบิดเพื่อต่อสู้กันเอง
ก่อเขต : พล.อ.เจ้ายอดศึก คิดว่า กองกำลัง PDF ถ้าปฏิบัติการรบแบบซุ่ม แบบกองโจรอย่างที่เขาเรียกกัน คิดว่าจะมีประสิทธิภาพสู้กับกองทัพเมียนมาที่ใหญ่โตมากกว่าหลายเท่าหรือไม่
พล.อ.เจ้ายอดศึก : มันไม่ใช่หรอกครับ กองกำลังนี้มาจากประชาชน เขาไม่รู้วิธีรบ แต่บางคนก็อาจจะรู้ เพราะเขาชำนาญพื้นที่กว่า เขาก็ซุ่มยิง วางระเบิด ระเบิดก็ทำขึ้นมาเอง ถ้าเป็นแบบนี้เรื่อยๆ เหมือนว่าการก่อกลุ่มกัน มันจะเยอะขึ้นมา กลุ่มสภาบริหารแห่งรัฐเมียนมา (SAC) ของ มิน อ่อง หล่าย เขาจะดูแลยังไง
ก่อเขต : ถ้าเป็นแบบนั้น คิดว่า มิน อ่อง หล่าย น่าจะเปลี่ยนท่าทีให้อ่อนลงไหม เท่าที่คุย พบว่าท่าทีของ มิน อ่อง หล่าย เป็นอย่างไร
พล.อ.เจ้ายอดศึก : ที่ผมได้คุย เขาก็ยอมรับกับผมว่า เขาต้องการ 4 ข้อ
1. ต้องการให้เมียนมาเป็น Federal Democracy (สหพันธรัฐประชาธิปไตย)
2. การเลือกตั้ง อยากได้ระบบ PR
3. อยากเจรจากลุ่มชาติพันธุ์ทุกกลุ่ม
4. อยากแก้ไขธรรมนูญ 2008 บางส่วน
ผมไปทุกครั้งเขาเอาเรื่องนี้มาคุยทุกครั้ง แต่ครั้งนี้ ผมดูสถานการณ์ทุกอย่างแล้ว เห็นว่ามันไม่ใช่แล้ว ต้องมาคุยการเมืองกันก่อน ต้องเจรจาการเมืองก่อน ถ้าเอาธรรมนูญมาวางให้แก้ จะแก้ได้อย่างไร เพราะธรรมนูญที่เขาเขียนขึ้นมา ก็เขียนตามแนวทางของเขา เขาคิด เขาออกแบบมา แล้วก็เอามาแก้เอง แล้วมันจะเปลี่ยนแปลงได้ยังไง
ก่อเขต : เพราะฉะนั้นก็ต้องมาคุยกันจริงๆ
พล.อ.เจ้ายอดศึก : อันดับแรก กลุ่มชาติพันธุ์และประชาชนต้องการให้เมียนมาเป็นสหพันธรัฐประชาธิปไตย อันนี้ทุกกลุเห็นเหมือนกันหมด แต่สหพันธรัฐประชาธิปไตยนั้น เราจะออกแบบโครงสร้างแบบไหน ก็ต้องมาคุยกัน
ก่อเขต : แนวคิดทั้งหมดที่ พล.อ.เจ้ายอดศึก บอกมานี้ ได้พูดคุยกับ มิน อ่อง หล่าย ไปแล้วบ้างหรือยัง แล้วท่าทีเป็นอย่างไร
พล.อ.เจ้ายอดศึก : ได้คุยแล้ว เขาก็ฟัง แต่ก็คงจะทำยาก
ก่อเขต : รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ (NUG) พูดกึ่งๆ เตือน กลุ่มชาติพันธุ์ให้ระวังว่า นี่อาจจะเป็นแผนการของรัฐบาลทหารเมียนมา ที่อยากจะให้มาแบ่งแยกกลุ่มต่อต้านเพื่อให้อ่อนแอลง พล.อ. เจ้ายอดศึก มีความเห็นในเรื่องนี้อย่างไร
พล.อ. เจ้ายอดศึก : อันนี้เขาไม่ต้องเตือนหรอก เพราะการต่อสู้นี้มีมานานกว่า 50-60 ปีแล้ว จริงๆ แล้ว NUG กับ มิน อ่อง หล่าย เขามีปัญหากันเอง ยังไม่ได้มาเกี่ยวกับกลุ่มชาติพันธุ์ของเราเลย เราก็ไม่ได้ไปเกี่ยวกับเขาเลย ผมเปิดกว้างคุยทุกกลุ่ม NUG ก็คุย ไม่ใช่ว่าไม่คุย
ก่อเขต : ถ้ามีช่องทางเจรจาก็ต้องเจรจา
พล.อ.เจ้ายอดศึก : ต้องเจรจา การจับปืนขึ้นมาต่อสู้เพราะอะไร เพราะไม่มีโต๊ะเจรจา
ก่อเขต : พล.อ.เจ้ายอดศึก ประเมินอย่างไร ที่มีช่วงเวลาสำคัญๆ ที่เมียนมาเชิญกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ ไปคุย ก็มีกลุ่มที่ไม่ได้ลงนามในสัญญาหยุดยิงเข้าไปร่วมด้วย 4-5 กลุ่ม
พล.อ.เจ้ายอดศึก : จริงๆ แล้ว ทุกกลุ่มเขาหยุดยิงกันหมดแล้ว การประท้วงเกิดขึ้น เป็นปัญหาจากการเมืองภายในของเขาเอง เป็นเรื่องของพรรค NLD กับ มิน อ่อง หล่าย เอง ไม่ได้เกี่ยวกับชาติพันธุ์
ก่อเขต : แล้ว PDF อาจจะมาอิงกับบางกลุ่มที่ฝึกการใช้อาวุธให้
พล.อ.เจ้ายอดศึก : PDF ก็เป็นของ NDL ประชาชนมีอยู่ทุกที่ อยู่ร่วมกัน ใครอยากมีความรู้ ก็ต้องหาความรู้ให้เขา
ก่อเขต : ประเมินอย่างไรกับการที่ มิน อ่อง หล่าย คิดว่า เขาจะคิดผิดหรือเปล่าที่ปฏิวัติยึดอำนาจมา ท่าทีรับฟังมากขึ้น แต่ท่าทางภายนอกประเทศ ฉันทามติ 5 ข้อของอาเซียน มิน อ่อง หล่าย ก็ไม่รับฟังเลย คำเตือน คำร้องขอเรื่องการตัดสินประหารชีวิตฝ่ายต่อต้านรัฐบาล ก็ไม่ฟังเลย
พล.อ. เจ้ายอดศึก : ตั้งแต่ผมไปเจอ มิน อ่อง หล่าย ครั้งแรกก็ได้ถามแล้ว เรื่องฉันทามติ 5 ข้อนี้จะทำอย่างไร นานาชาติกดดันจะแก้ยังไง ประชาชนเดือดร้อนจะแก้ยังไง กลุ่มชาติพันธุ์หลายกลุ่มจะแก้ยังไง
ก่อเขต : แล้ว มิน อ่อง หล่าย บอกอย่างไร
พล.อ.เจ้ายอดศึก : ตอบลอยๆ ไม่ค่อยชัดเจน เขาบอกว่า เขาตั้งใจแก้อยู่ จะเจรจาทุกกลุ่ม จะพยายามแก้ให้มันดีที่สุด อยากให้เป็น Federal Democracy อยู่แล้ว แต่ต้องมาคุยกันในรายละเอียด
ก่อเขต : ภาษาทั่วไปเรียก ยอมรับในหลักการ แต่รายละเอียกมาว่ากันอีกทีหนึ่ง
พล.อ.เจ้ายอดศึก : ใช่ แต่เป็นกรณีของกลุ่มชาติพันธุ์ ถ้าเป็นกลุ่ม NUG มิน อ่อง หล่าย ไม่ยอมคุย
ก่อเขต : พล.อ.เจ้ายอดศึก เป็นผู้ประสานงาน ได้พุดกลุ่มกับกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ มานานหลายสิบปี ได้ไปเจรจากับทาง มิน อ่อง หล่าย ก็หลายครั้ง การเจรจาครั้งนี้ มีความหวังขึ้นบ้างไหม
พล.อ.เจ้ายอดศึก : จริงๆแล้ว การลงนาม NCA ไม่เป็นของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง มีกลุ่มชาติพันธุ์ 10 กลุ่ม กลุ่มรัฐบาล กลุ่มของเรา เราร่วมกันทำ ตอนที่ มิน อ่อง หล่าย ยึดอำนาจ เขายังไม่ประกาศยกเลิกธรรมนูญ พรรคการเลือก และ NCA ถ้า มิน อ่อง หล่าย ไม่ประกาศยกเลิก เขาอยากคุยกับเรา เขาต้องไป เพราะเราไม่มีความผิด
ก่อเขต : สิ่งที่จะชี้ว่า สถานการณ์ระหว่างรัฐบาลเมียนมากับกลุ่มชาติพันธุ์ ดีขึ้นหรือไม่ดีขึ้น ก็น่าจะเป็นเรื่องของการสู้รบกัน ในช่วงแรกๆ ก็มีข่าวการสู้รบโดยเฉพาะรัฐฉานตอนเหนือ สถานการณ์ล่าสุดเรื่องของการสู้รบเป็นอย่างไรบ้าง
พล.อ.เจ้ายอดศึก : ตอนนี้ การสู้รบทุกกลุ่มหยุดไปแล้ว เพราะผมประกาศไปแล้วว่า ถ้าเราจะเจรจากันก็ต้องหยุดยิง การยิงกันมีแต่คนเสีย ประชาชนก็เสีย ทหารไม่สมควรตายก็ตาย ไม่สมควรบาดเจ็บก็บาดเจ็บ การแถลงการณ์ครั้งนี้คือ ให้เจรจาทุกคน อย่าให้มีการสู้รบกันเลย
ก่อเขต : ก่อนที่จะออกแถลงการณ์ ก่อนที่จะไปคุยกับ มิน อ่อง หล่าย ในประเด็นนี้ ได้มีการพูดคุยกันอย่างไม่เป็นทางการกับกองกำลังชาติพันธุ์ก่อนหน้าไหม
พล.อ.เจ้ายอดศึก : ยังไม่มี เพราะ มิน อ่อง หล่าย ก็ประกาศว่า ปี 2022 นี้ จะเป็นปีหยุดยิงทุกกลุ่ม ก็เห็นด้วยว่าเป็นเรื่องที่ดี และต้องมีการคุยทุกกลุ่ม
ก่อเขต : พล.อ.เจ้ายอดศึก คิดว่า ในช่วงระยะเวลา 4-5 เดือนที่กำหนด มันจะเกิดอะไรขึ้น และอะไรจะเป็นปัจจัยชี้ว่าบรรลุเป้าหมายที่วางไว้แล้ว
พล.อ.เจ้ายอดศึก : อันนี้คาดเดาได้ยาก เพราะ เพิ่งประกาศ และหนังสือก็เพิ่งเขียน
ก่อเขต : แต่ 4-5 เดือนไม่นานนะ
พล.อ.เจ้ายอดศึก : ไม่นาน เพียงแต่ให้รู้ท่าที เมื่อส่งหนังสือไป ตัวแทนก็จะตามไปทุกกลุ่ม ถ้ามีท่าทีตอบรับว่าจะคุยกันได้ ก็จะรวมกลุ่มกัน และคุยกันอย่างไร จะสร้างสันติภาพกันอย่างไร จะร่วมกันแก้ปัญหาประเทศกันอย่างไร
ก่อเขต : แล้วในกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ มีอะไรที่จะเป็นปัญหาที่ไม่สามารถนำไปสู่การเจรจาเพื่อบรรลุสันติภาพซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุดได้
พล.อ.เจ้ายอดศึก : อันดับแรก การยึดอำนาจทุกๆ ครั้งเป็นเพราะชาวเมียนมาเองทุกครั้ง และปัญหาของสหภาพเมียนมาที่ไม่เจริญก้าวหน้าตั้งแต่เราได้เอกราชมา เพราะผู้นำ ผู้นำไม่มีคุณธรรม ไม่มีจริยธรรม เขาอยากยึดอำนาจไว้ที่เขาคนเดียว
ก่อเขต : นี้คือปัญหาของเมียนมา
พล.อ.เจ้ายอดศึก : ใช่ นี่คือปัญหาของเมียนมา ของคนเมียนมา เพราะที่เป็นรัฐบาลมาทุกครั้งๆ มาจากชาวเมียนมาเป็นใหญ่ทุกครั้ง กลุ่มชาติพันธุ์เป็นเพียงส่วนประกอบ ไม่มีอำนาจเลย ในที่ๆ เขาอยู่ร่วมกัน ชาวไทใหญ่มีหลักฐาน สัญญาแบ่งเขตชัดเจน ที่มีสัญญาได้เพราะเขาคิดว่าไม่ใช่ประเทศเดียวกัน แล้วจะค่อยๆมาร่วมกันสร้างสหภาพ
แต่ มิน อ่อง หล่าย พยายามมายึดอำนาจ แม้หลายประเทศพยายามให้เป็นประเทศเดียวกัน เขาลบล้างทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นประวัติศาสตร์ ไม่ว่าหนังสือ ทำแบบนี้จะอยู่ร่วมกันได้อย่างไร ถ้าไม่มีคุณธรรม ไม่มีจริยธรรม ไม่เท่าเทียมกัน การต่อสู้ก็จะเกิดขึ้นเรื่อยๆ มันไม่หายไปหรอก
ก่อเขต : พล.อ.เจ้ายอดศึก ได้พบและพูดคุยกับ มิน อ่อง หล่าย หลายครั้ง ในสายตาชาวโลกก็มองว่า เขาเป็นคนเผด็จการ เป็นคนที่ยึดอำนาจ สร้างปัญหาให้กับประเทศ ในฐานะบุคคลที่คุยกัน มองว่า มิน อ่อง หล่าย เป็นคนยังไง
พล.อ.เจ้ายอดศึก : คาดเดายาก ดูออกยาก เห็นหน้าไม่เห็นใจ เขาเป็นคนคุยดี เวลาคุยด้วยเหมือนเพื่อน ไม่ได้แสดงอำนาจ แต่ไม่รู้ใจเขาว่าเขาคิดยังไง
ก่อเขต : เวลาที่พูดถึงสันติภาพที่ได้ถาม มิน อ่อง หล่าย ไป นอกเหนือจากการรับโดยหลักการกว้างๆแล้ว เขาได้บอกหรือไม่ว่าเขาจะทำอะไร
พล.อ.เจ้ายอดศึก : มี แต่ไม่ค่อยชัดเจน อย่างตอนที่คุยกับอาเซียน ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าเขาคุยกันยังไง แต่พอมาดูและวิเคราะห์ตามข่าว ก็ไม่มีข้อมูลที่แท้จริง อย่างเช่น เขาบอกขอพบ ออง ซาน ซู จี ขอให้ปล่อยนักโทษการเมือง ปล่อยนักศึกษา ขอให้อย่าสู้รบกัน อันนั้นเป็นเพียงคำขอ มันไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาตอนนี้
ถ้าจะแก้ปัญหาจริงๆ มันไม่ใช่ว่า เจอ ออง ซาน ซู จี แล้วมันจะแก้ปัญหาได้ไหม มันแก้ไม่ได้หรอก จริงๆ ถ้าอาเซียนจริงใจ อันดับแรกต้องจัดทีมข้อมูล ให้เจอกลุ่มชาติพันธุ์ เจอกลุ่มพรรคการเมือง เจอประชาชน เจอมิน อ่อง หล่าย เจอทุกคนแล้ว เอาข้อมูลทุกกลุ่มมาคุยกัน มานั่งคุยกันให้หมดเลย จะเอายังไง จะแก้ยังไง
ก่อเขต : ไม่ใช่คุยแค่เมียนมา
พล.อ. เจ้ายอดศึก : ไม่ใช่ การคุยกันแค่ มิน อ่อง หล่าย และ อองซาน ซูจี มันไม่ได้แก้ปัญหาได้หรอก เพราะปัญหามันลึกลงไปกว่าที่เขามองเห็นแล้ว ปัญหามีมาตั้งแต่ 70 ปีก่อนแล้ว
พล.อ.เจ้ายอดศึก ชัดเจนแล้วว่า “การเจรจา” เท่านั้นที่จะเป็นการแก้ปัญหา และต้องเป็นการเจรจาแบบทุกกลุ่มต้องช่วยกันแก้ปัญหาในเมียนมา ถึงแม้ว่านี่จะเป็นอีกครั้งหนึ่งที่มีการเจรจา แต่ก็มีความคาดหวังว่า สถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลงไปนั้น น่าจะทำให้กองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์ กองกำลังของเมียนมาเอง น่าจะตระหนักถึงเรื่องของความต้องการของประชาชนที่แท้จริง