วันนี้ (14 พ.ย.2565) นายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตตำรวจสันติบาล เดินทางมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พยายามขอเข้าพบ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งเดินทางไปเป็นประธานเปิดศูนย์กองอำนวยการร่วมศูนย์รักษาความปลอดภัยการประชุมเอเปค และประชุมร่วมฝ่ายความมั่นคง ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมถึงขอพบ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หลังมีกระแสข่าวว่าตนเองกำลังจะถูกออกหมายจับในคดีนายทุนจีนสีเทา
นายสันธนะ บอกว่าวันนี้ได้นำข้อมูลเกี่ยวกับนักธุรกิจจีน 3 กระเป๋า รวมถึงพาสปอร์ตของตนเอง ตั้งใจจะไปขอฝากไว้ที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าจะไม่หลบหนีออกนอกประเทศ โดยจะฝากไว้เป็นเวลา 1 สัปดาห์ ตามที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ บอกว่าจะมีการออกหมายจับ
รวมถึงยังเปิดหน้าพาสปอร์ตโชว์นักข่าวให้ดูว่าได้เดินทางเข้าออกประเทศ สปป.ลาว ช่วงวันที่ 8-10 ก.ค. ซึ่งเป็นหลักฐานว่าตนเองได้ไปพูดคุยกับนักธุรกิจจีนและนักการเมืองที่ สปป.ลาวจริง และมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการสืบสวนของตำรวจ จะขอเข้าเป็นส่วนหนึ่งในการสืบสวนคดี ในฐานะพยาน และจะยังช่วยป้องกันการวิ่งเต้นในคดี เพื่อให้คดีแน่นหนา ศาลไม่ยกฟ้องจำเลยเหมือนคดีหลงจู๊ที่ผ่านมา
ส่วนเอกสารข้อมูล 3 กระเป๋าที่นำมานั้น ก็เป็นหลักฐานทั้งที่เป็นบวก และเป็นลบ กับกลุ่มทุนจีนสีเทา ตนเองยืนยันไม่ได้ปกป้อง แต่ต้องการนำเสนอความจริง เพื่อไม่ให้เกิดการดำเนินคดีเพื่อกลั่นแกล้งบุคคลใด
นอกจากนี้นายสันธนะยังระบุอีกว่าในคดีนายทุนจีน มีตำรวจยศ "พล.ต.อ." ตำแหน่งตั้งแต่รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติขึ้นไป ทั้งที่เกษียณอายุราชการแล้ว และยังดำรงตำแหน่งอยู่ มีส่วนเกี่ยวข้องในการเรียกรับผลประโยชน์ นอกเหนือจากนี้ให้ไปตั้งข้อสังเกตกรณีผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับสถานบันเทิงที่พัทยาซึ่งโยงนายทุนจีน ซึ่งผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมตัวไป กลับได้รับการประกันตัวออกมา ว่านายตำรวจระดับผู้บังคับการเข้าไปเกี่ยวข้องกับการให้ประกันตัวครั้งนี้หรือไม่ ซึ่งอาจมีฝ่ายการเมือง เป็นระดับรัฐมนตรีที่มีฐานเสียงในพื้นที่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
อย่างไรก็ตามเนื่องจากวันนี้มีการรักษาความปลอดภัยเข้มงวด เนื่องจากรองนายกรัฐมนตรีมาประชุม ทำให้ไม่สามารถให้นายสันธนะเข้าพบทั้งรองนายกรัฐมนตรี และ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้ เจ้าหน้าที่จึงพยายามเกลี้ยกล่อม ห้ามไม่ให้อยู่รอพบรองนายกรัฐมนตรี จนทำให้นายสันธนะไม่พอใจ
แต่ก่อนที่สถานการณ์จะบานปลาย พล.ต.ท.อภิชาติ เพชรประสิทธิ์ ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล ต้องมาเจรจาด้วยตนเอง ก่อนจะอนุญาตให้นายสันธนะไปไหว้สักการะพระบรมรูปรัชกาลที่ 4 ซึ่งตั้งอยู่ด้านหน้าอาคารสำนักงานตำรวจแห่งชาติเท่านั้น และขอให้เดินทางกลับ โดยก่อนเดินทางกลับนายสันธนะยังได้ขอโทษนายตำรวจสันติบาลที่เกิดการขึ้นเสียงกันไปก่อนหน้านี้